M. Foucault's "Madness and Civilization"


ไม่ได้อ่านหนังสือปรัชญาเต็มๆ มานานแล้ว ครั้งสุดท้ายคือดิสคอร์ทของรุสโซ สมัยเรียน เพราะถูกบังคับ ใช่ว่าไม่ชอบ หรือไม่มีความสนใจ ยอมรับก็ได้ว่า "มือไม่ถึง" หลายครั้งเวลาเปิดอ่านฟรีในร้านหนังสือ ปวดเศียรเวียนเกล้า และไม่เข้าใจอยู่หลายส่วน

15 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นวันเกิดนิสเช่ ร้านหนังสือที่โรงเรียนลดราคาหนังสือปรัชญาทุกเล่มสามสิบเปอร์เซ็น ถือโอกาสนี้ลองซื้อมาสาม สารภาพเลยว่าตอนแรกไม่แน่ใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะไปได้กี่น้ำ เล็งๆ ความบ้าคลั่งและความศิวิไลซ์มานาน สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อ และลองเปิดอ่านดู...

...และแล้วก็อ่านได้จนจบเล่ม ดีใจเป็นที่สุด

ฟูคัลคือนักปรัชญาคนสำคัญชาวฝรั่งเศส ความบ้าคลั่งและความศิวิไลซ์เป็นหนึ่งในผลงานสร้างชื่อของแก ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสังคม และผู้ป่วยโรคจิต ตอนแรกก็หวาดๆ ว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง ปรากฏว่าฟูคัล นอกจากจะเป็นนักปรัชญาแล้ว ยังเป็นนักประวัติศาสตร์ด้วย ดังนั้นการวิเคราะห์ความบ้าคลั่งของแก จึงออกแนวกึ่งๆ ประวัติศาสตร์ เพราะเหตุนี้กระมัง เลยอ่านเข้าใจง่าย คงไม่วิจงวิจารณ์อะไร เพราะไม่รู้จะวิจารณ์หนังสือที่ไม่ใช่นิยายยังไง เอาเป็นว่าสรุปใจความสำคัญในเล่มดีกว่า

คนสมัยก่อนแบ่งสาเหตุของอาการสติแตกเป็นสองประการ หนึ่งคือเนื่องมาจาก "ความลุ่มหลง" (passion) ความลุ่มหลงในที่นี้หมายถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณ และร่างกายมนุษย์ นักการแพทย์สมัยก่อนมองว่าร่างกายคนเราเป็นของแข็ง ขณะที่วิญญาณคือส่วนผสมระหว่างของเหลวจำพวกเลือด และวัตถุประเภทแก๊สในร่างกาย ซึ่งจำแนกประเภทไม่ได้ อาการสติแตกคืออาการป่วยอันเกิดจากความลุ่มหลงถูกกระทบกระเทือน พูดอีกนัยหนึ่งคือเป็นความผิดปรกติของร่างกาย และวิญญาณพร้อมๆ กัน

อีกกลุ่มเชื่อว่าสาเหตุความบ้าคลั่งคือ "ความพกเพ้อ" (delirium) ความพกเพ้อในที่นี้หมายถึงเหตุผลในความไม่มีเหตุผล เช่นเราจะเจอคนบ้าที่เชื่อว่าตัวเองเป็นนก ดังนั้นเขาจึงกระโดดลงมาจากยอดตึก เพราะเขาบอกว่านกทุกชนิดบินได้ เมื่อเขาเป็นนก เขาก็ย่อมบินได้ สิ่งนี้เองที่เรียกว่าความพกเพ้อ คือการใช้เหตุผลที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลมาอธิบายการกระทำของตัวเอง

ในประวัติศาสตร์ยุโรปตลอดช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมา ผู้คนสลับเปลี่ยนไปมาระหว่างสองความเชื่อนี้ กระทั่งการแพทย์ปัจจุบันก็ยังหนีไม่พ้นอธิบายสาเหตุของอาการโรคจิตด้วยความลุ่มหลง และความพกเพ้อ ซึ่งการรักษาก็แล้วแต่ว่าต้นเหตุมาจากไหน คนบ้าที่บ้าเพราะลุ่มหลง ต้องอาศัยทั้งจิตเวทย์ และกายภาพบำบัด ส่วนที่บ้าเพราะพกเพ้อ มาจับเข่านั่งคุยกันกับหมอเฉยๆ ก็ได้

ฟูคัลยังพูดถึงการที่สังคมปัจจุบันกักขังคนบ้าไว้ในโรงพยาบาล ห่างไกลสายตาผู้อื่น เทียบกับอดีตกาล ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยเชื่อว่าคนบ้าสมควรปรากฏตัวในที่แจ้ง อยู่ร่วมกับคนในสังคมส่วนใหญ่ ซึ่งสาเหตุของสองความเชื่อนี้ก็มากมายหลากหลาย อธิบายสั้นๆ ไม่หมด สรุปคือไปอ่านเองดีกว่า รับรองไม่มีผิดหวัง และไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิดด้วย

No comments: