คือรักและหวัง (วัฒน์ วรรลยางกูร)


ตั้งแค่คุณวัฒน์ วางปากกาไปเมื่อหลายปีก่อน ก็เหมือนยุคสิ้นสุดวรรณกรรมชนบทโดยแท้ ไม่มีนักเขียนไทยคนใด (ที่ยังมีชีวิตอยู่) เล่าเรื่องหนังตะลุง การเหวี่ยงแหตกปลา ชนไก่ กัดปลาได้ซาบซึ้ง ถึงใจเท่าคุณวัฒน์ น่าแปลกไหมเล่า ทั้งที่วรรณกรรมส่วนใหญ่ซึ่งวางแผงตามท้องตลาด ก็มักมีฉาก มีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ต่างจังหวัด อะไรเล่าทำให้งานเขียนคุณวัฒน์ เหนือชั้นกว่าวรรณกรรมเพื่อชีวิตเล่มอื่นๆ อย่างแรกเลยคือภาษา วัฒน์ วรรลยางกูรพิสูจน์ว่าบทบรรยายร้อยแก้วภาษาไทยซึ่งสวยงามจนถึงที่สุดนั้นเป็นอย่างไร ใครอ่านตอนเฒ่าเฟี้ยมทอดแห ชักหุ่น แล้วไม่ลืมหายใจได้ก็ให้มันรู้ไป!

คุณวัฒน์คือนักเขียนที่เข้าใจวิถีชีวิต ความขัดแย้ง ของชาวชนบทอย่างแท้จริง ภาพชีวิตชาวบ้านจากปลายปากกาคุณวัฒน์งดงาม ราบเรียบ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความซื่อสัตย์ คือรักและหวัง ไม่ใช่หนังสือที่ชาวบ้านซื่อๆ ถูกกลั่นแกล้งโดยข้าราชการ คนกรุงเทพ ไม่ใช่หนังสือที่ยกย่องชีวิตชาวนา ปอปั้นความยากความจนให้เลอเลิศเกินจริง วิถีชนบทอาจเป็นสิ่งสวยงาม แต่สัจธรรมเหนืออื่นใดคือคนตัวเล็กๆ ไม่อาจหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงในโลก ใครๆ ก็ต้องทำมาหากิน มนุษย์มีกิเลส อยากได้ อยากครอบครอง และที่สำคัญอยากให้คนที่เรารัก ได้รับในสิ่งที่ดีกว่า

คือรักและหวัง เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของเฒ่าเฟี้ยม นักเล่นหนังตะลุง ในการประคับประคองมรกดตกทอดรุ่นปู่รุ่นตาซึ่งกำลังสาบสูญในไม่ช้า ขณะเดียวกันก็เน้นไปที่ความสัมพันธ์กับหลานชายผู้กำพร้าพ่อแต่เยาวัย จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ อยู่ตรงคุณวัฒน์ไม่ได้สวมบทบาทใครให้เป็นผู้ร้ายที่แท้จริง กระทั่งทิดอ้วนซึ่งเป็นต้นเหตุการตายลูกเขยตาเฟี้ยม ก็เหมือนจะได้รับคำชื่นชมกลายๆ ว่า "รู้จักไต่เต้า ทำมาหากิน" จุดจบอันแสนอาภัพของทิดอ้วน ก็ไม่ได้นำมาซึ่งโภคผลใดๆ แก่ชายชรา ผู้ทำได้อย่างมากแค่อโหสิกรรม อนุโมทนาไปตามเรื่อง

ประเด็นหลักของนิยายอยู่ที่ความหวัง และการรับมือกับความผิดหวัง ในทางหนึ่งก็เหมือนเฒ่าเฟี้ยมได้เรียนรู้ว่า ความหวังคือตัวทำให้เกิดความทุกข์ ถ้าคนเราไม่วาดฝัน สร้างวิมานในอากาศไปก่อน ก็คงไม่ต้องประสบวันที่วิมานนั้นพังทลาย ความหวังของตาเฟี้ยมมาในรูปแบบครูสาวแสนสวย เป็นที่รักหลงไหลโดยเด็กๆ ทุกคน กระทั่งชายชราเองก็ตาม ครูสาวปรารถนาดีแก่สองตาหลาน โดยหารู้ไม่ว่าความซื่อ อ่อนต่อโลกของเธอ กลับสร้างบาดแผลลึกในชีวิตบั้นปลายนักเชิดหนังตะลุง

แต่อีกทางหนึ่ง ชีวิตซึ่งไม่มีความหวัง จะอยู่ไปเพื่ออะไร ตอนจบของเรื่อง ตาเฟี้ยมตัดสินใจทำในสิ่งที่แกไม่คาดคิดมาก่อน แม้จะเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม แต่ทั้งหมดก็ทำไปด้วยความหวัง เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของหลานชาย นี่กระมังโศกนาฏกรรม อันแสนขบขันของมนุษย์ คนเราเกิดมาเพื่อตั้งความหวัง และรับมือกับผลลัพท์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะทำร้าย หรือสร้างสุข ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องมือช่วยประคับประคองชีวิตให้ผ่านหวัง และผิดหวัง ประหนึ่งเรือน้อยขี่ลูกคลื่น สิ่งนั้นก็คงหนีไม่พ้นความรัก ความผูกพัน การทักถอน้ำใจเอื้ออารีแก่คนใกล้ตัว และรอบข้าง

หมายเหตุ: 1) คือรักและหวัง ได้ชิงซีไรต์ปีเดียวกันกับ ปูนปินทอง ของคุณกฤษณา

2) จริงๆ คุณวัฒน์ก็ยังไม่ถึงกับวางปากกาเสียทีเดียว ยังมีผลงานออกมาเรื่อยๆ แม้ไม่สม่ำเสมอเท่าแต่ก่อน
ตอนนี้ยังไม่ได้เลือกหนังสือเล่มต่อไป เผลอๆ ถ้าพรุ่งนี้ว่างๆ อาจเอาบทวิจารณ์สิงห์สาโทมาแปะ เพราะไหนๆ ก็พูดถึงวัฒน์ วรรลยางกูรทั้งที

4 comments:

Unknown said...

ชอบเล่มนี้เหมือนกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเล่มนี้วัฒน์ใช้ภาษาได้งามที่สุดในบรรดาผลงานทั้งหมด นักศึกษาหลายคนประทับใจกับความแพรวพราวของภาาาที่วัฒน์บรรยาย ในขณะที่ติดใจความสนุกสนานของสิงห์

คอมเมนต์ที่น่าสนใจของนักศึกษาคนหนึ่งคือ การใส่พล็อตโรมานซ์ช่วงครึ่งหลังของเรื่องทำให้งานวัฒน์เล่มนี้ดูประดักประเดิด เรื่องกำลังสนุกกับการล้มลุกคลุกตัวเองของสิงห์ อารมณ์กึ่งหลาบกึ่งโหยหาความรักจึงลดทอนความสนุกของเรื่องในช่วงแรกไป

มีเล่ม คดีดาบลาวยาวแดงอยู่ในรายชื่อหนังสือที่ต้องอ่านในเทอมนี้ด้วย ถ้ามีเรื่องสนุกๆจะมาเล่าให้ฟังค่ะ

อารียา

Mony said...

พี่สาวซื้อให้อ่านตอบเด็กๆค่ะ ชอบมาก คุณวัฒน์ใช้ภาษาอ่านง่าย ขนาดเด็กๆยังอ่านเข้าใจ ^^

oR' wan said...

อ่านจบแล้ว อารมณ์ยังคงดิ่งอยู่ชานชลาสถานีรถไฟ เป็นเหมือนที่มีใครกล่าวว่า เป็นหนังสือรัก ที่ตัวละครไม่ใช่หนุ่มสาว เป็นโศกนาฏกรรมรักเล่มหนึ่งก็ว่าได้

ชอบการบรรยายที่ละเอียดยิบ ในความเป็นคน ทั้งความรู้สึกและกายภาพ ในความเป็นสัตว์ สิ่งของ บรรยากาศของวันเวลา ที่ขณะอ่านบางครั้งเหมือนตัวเองหลุดไปอยู่บ้านริมน้ำ นั่งมองชีวิตตาหลาน

ในการบรรยายที่ละเอียดยิบ ทำให้คนอ่านที่คิดอะไรเป็นภาพ เพลิดเพลินนะแล


ขอบคุณ อ.วัฒน์ วรรลยางกูร และรอคอยการกลับมาของท่านอยู่เสมอ/ออวัณ

oR' wan said...
This comment has been removed by the author.