I. Dinesen's "Ehrengard"


เคยพูดว่าถ้าให้จัดอันดับสิบนักเขียนในดวงใจใหม่ตอนนี้ คงได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย อย่างน้อยก็ต้องมีชื่อเรย์มอน คาเวอร์ หรือโรเบิร์ตสัน เดวีส์รวมอยู่ด้วย ถ้าเช่นนั้นก็หมายถึงไอแซค ดีนเซนคงถูกเขี่ยตกกระป๋อง น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ยิ่งพอได้อ่าน Ehrengard นิยายกึ่งนิทานเล่มบางๆ ก็ยิ่งปฏิเสธไม่ได้ ถึงอิทธิพลทางวรรณศิลป์ที่ดีนเซนมีต่อเรา

Ehrengard จัดว่าเป็น pastoral romance ไม่รู้จะแถแปลยังไงดี เรียกว่า "นิยายรักในสวน" แล้วกัน โดยฉากของ pastoral romance มักจะเป็นปราสาท หรือราชวังซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ธรรมชาติ เป็นสถานที่ซึ่งผู้คนรักใคร่กลมเกลียว ที่มาของ genre นี้คือความต้องการกลับไปยังสวนสวรรค์อีเดนของชาวคริสตศาสนา ตัวละครเปรียบ Rosenbud ซึ่งเป็นฉากใน Ehrengard ว่าประหนึ่งหลุดมาจากภาพเขียนของคลอด โลเรน นักวาดทิวทัศน์ชาวอังกฤษ จะหาฉากอะไรที่ pastoral กว่านี้คงไม่มีแล้ว

แม้ Rosenbud เปรียบได้กับอีเดน ความน่าขบขันคือสาเหตุซึ่งเหล่าตัวละครถูกจับมาอยู่ในสรวงสวรรค์แห่งนี้กลับเป็นด้วยบาปของหญิง ชายคู่หนึ่ง หลังงานแต่ง เจ้าชายโลทามาสารภาพกับราชินีว่า เจ้าหญิงลูมิลาได้ตั้งครรภ์ไปแล้วสองเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสื่อมเสีย Rosenbud ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เจ้าหญิงได้คลอดผู้สืบทอดราชบัลลังค์ และเลี้ยงดูพระโอรส จนเติบใหญ่พอจะตบตาโลกภายนอกเรื่องอายุได้

Ehrengard เปิดฉากด้วยเรื่องราวระหว่างเจ้าชายโลทา และเจ้าหญิงลูมิลลาก็จริง แต่คู่พระคู่นางหลักกลับเป็นเออเรนการ์ด คนสนิทของเจ้าหญิงลูมิลลา ลูกสาวนายพลผู้เติบโตมาพร้อมกับพี่ชายอีกห้าคน หญิงสาวจึงมีลักษณะของวัลไครี เทพสงครามในตำนาน และคาซอท นักวาดรูปอัจฉริยะ ผู้สร้าง Rosenbud พร้อมทั้งชักใย ควบคุมทุกชีวิตตั้งแต่ราชินี จนถึงเด็กเลี้ยงม้า คาซอทชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากในฐานะศิลปินแล้ว ยังในฐานะ seducer (อีกคำซึ่งหาแปลไทยไม่ถูกจริงๆ ) และขุนแผนผู้นี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่เออเรนการ์ด จิตรกรตั้งใจให้ออเรนการ์ดเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกของเขา หญิงสาวมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งเขาสัญญาว่า เสร็จกิจธุระกับเธอเมื่อไหร่ จะส่งเธอคืนให้ในสภาพ "intact but anihilated"

หนังสือเล่มนี้ได้ชื่อว่าเป็นผลงานที่ "เบา" ที่สุดของดีนเซน ซึ่งมันก็เบาจริงๆ นั่นแหละ แต่ในความเบาหวิว ก็ซ่อนสาระไว้ให้ขบคิดพอประมาณ ถึงอย่างไร ความสำเร็จหรือล้มเหลวของ Ehrengard ตัดสินกันที่การสร้างภาพสรวงสวรรค์ของดีนเซนมากกว่า

No comments: