E. Rohmer's "Six Moral Tales"
เราดูหนังน้อยเกินไป ข้อดีของการอ่านบทหนังคือมันช่วยกระตุ้นให้เราอยากดูหนังมากขึ้น Six Moral Tales ไม่ใช่บทหนังเสียทีเดียว เหมือนกับรวมเรื่องสั้นของโรแมร์มากกว่า โรแมร์เขียนไว้ในคำนำว่าเรื่องเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นมา ก่อนเขาจะถ่ายทำภาพยนตร์ และถูกเขียนขึ้นมาเพื่อดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แต่ขณะเดียวกันโรแมร์ก็ต้องการให้มันอยู่ได้โดดๆ ในฐานะเรื่องสั้นด้วย ห้าเรื่องในเล่มนี้เล่าผ่านสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง มันจึงเต็มไปด้วยความคิดของตัวละคร ก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าพอถูกดัดแปลงเป็นหนังแล้ว มันจะมี voice over เต็มไปหมดหรือเปล่า
ผู้กำกับเคยพูดว่าบทหนังต้องมีความไม่สมบูรณ์บางอย่าง เพราะถ้าออกมาสมบูรณ์หมดแล้ว จะต้องไปถ่ายภาพ ทำออกมาเป็นหนังหาอะไร (คำถามนี้เป็นคำถามเปิดคำนำของ Six Moral Tales เช่นกัน) ถ้าอย่างนั้น หกเรื่องสั้นของโรแมร์ก็คงมีความเป็นบทหนังสูง เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เหมือนมันยังขาดอะไรบางอย่าง The Baker's Girl เป็นเรื่องแรก และเรื่องที่สั้นสุด (ตอนถูกถ่ายทำเป็นหนัง มันยาวแค่ 23 นาทีเอง) มีอาการ minimalist คล้ายๆ กับเรื่องสั้นของคาร์เวอร์ เราชอบเรื่องนี้มาก และรู้สึกว่ามันมีความสมบูรณ์จนอาจไม่จำเป็นต้องถ่ายทำออกมาเป็นหนังแล้วก็ได้
Suzanne's Career เรื่องที่สอง ดูเป็นโรแมร์มากขึ้น และยาวขึ้นมาอีกนิด (55 นาที ในฉบับภาพยนตร์) มีความวุ่นวาย และรกชัฏบางอย่างที่เราไม่ค่อยชอบ แต่พอถึงตอนจบ ก็รู้สึกว่ามันมีประเด็นน่าสนใจ พอได้ดูเป็นหนังจริงๆ อาจจะเห็นประเด็นในความรกชัฏของมันมากขึ้น My Night at Maud's เป็นเรื่องที่ยาวสุด (เกือบสองชั่วโมงได้) และเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงของโรแมร์ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดังเพราะเป็นหนังยาวเรื่องแรกๆ ของโรแมร์หรือเปล่า เนื่องจากเราไม่ค่อยชอบ โรแมร์เปิดพื้นที่ให้ตัวละครสามตัวสนทนากันเรื่องปรัชญา เน้นไปที่ประเด็นทางศีลธรรม คริสตศาสนา และปาสคาล หูเราไม่ค่อยเข้ากันได้เท่าไหร่กับบทสนทนาจำพวกนี้ของโรแมร์ แถมทั้งสามคนนี้ไม่ได้มีสัมพันธ์ หรือเป็นตัวละครที่น่าสนใจอะไร ประกอบกับว่ามันยาวที่สุดด้วยแล้ว เรื่องนี้เลยออกมายืดมากๆ
The Collector มีความชัดเจนในตัวเรื่องมากกว่า เรื่องของผู้หญิงนิสัยไม่ดี พยายามทำทุกอย่างที่จะยั่วยวนตัวเอกของเรื่อง รวมไปถึงการนอนกับเพื่อนของพระเอกด้วย เนื้อเรื่องคล้ายๆ กับ Love in the Afternoon (ในฉบับหนัง รู้สึกจะชื่อว่า Chloe in the Afternoon) ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้าย และเรื่องที่เราชอบสุดในเล่ม ตัวละครมีเนื้อหนัง คนอ่านผูกพันกับทั้งพระเอก และโคล์ เข้าใจอุปสรรคที่ทั้งสองต้องเผชิญ และเหตุใดต่างฝ่ายต่างทำร้ายกัน ไม่รู้ว่าโรแมร์เขียนหกเรื่องนี้เรียงๆ กันหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ถึงพัฒนาการ จาก "เรื่องสั้น" จนมาถึง "หนังยาว" เก้ๆ กังๆ อย่าง My Night at Maud's และผลงานที่ลงตัวกว่าอย่าง Claire's Knee และ Love in the Afternoon Claire's Knee ก็เกือบดีมากๆ แม้จะยังมีระยะห่างระหว่างตัวละครและคนดู/คนอ่าน พูดถึงผู้ใหญ่สองคนชาย หญิงที่พยายามยั่วยวน และสังเกตพฤติกรรมของเด็กสาววัยรุ่นสองคน รวมไปถึงของตัวเอง เหมือนเป็น Dangerous Liaison ในฉบับที่ทันสมัย และ "ใจดี" กว่า
โดยรวมแล้วพอใจกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ และมันช่วยให้เราอยากไปหาฉบับหนังมาดูสมความตั้งใจ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment