E. Fromm's "The Art of Loving"


"หัวใจ" ของหนังสือกึ่งฮาวทู กึ่งปรัชญา กึ่งจิตวิทยาของอิริค ฟรอมม์เล่มนี้คือ ความรักเป็นศิลปะ เป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยการเรียนรู้ และฝึกฝน ฟรอมม์อธิบาย เหตุใดคนถึงเข้าใจผิดว่าความรักเป็นอย่างอื่น เราหมกมุ่นกับการถูกรัก และใช้พลังงานไปกับการทำให้คนอื่นมารักเรา หรือเรารู้สึกว่าความรักเป็นเรื่องง่ายดาย ที่คิดจะตกหลุมเมื่อไหร่ ก็กระโดดลงไป ฟรอมม์ชี้ให้เห็นว่า "ความปรารถนาที่จะรัก" (will to love) นั่นยิ่งใหญ่กว่าความรักเสียอีก สมัยก่อน การแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองฝ่ายหญิงฝ่ายชายจัดแจงกันเองล่วงหน้า และคู่บ่าวสาวต่างพยายามจนรักกันสำเร็จ

หัวใจปรัชญาของฟรอมม์คือ มนุษย์ยุคใหม่แยกตัวเองออกจากธรรมชาติ และสังคม เจ็บปวดจากความรู้สึกโดดเดี่ยว และพยายามกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่า ใน Escape from Freedom ความรู้สึกนี้นำไปสู่การหลงเชื่อผู้นำ และนักปลุกระดมมวลชน ใน The Art of Loving นั่นคือที่มาของความรัก

ประเด็นที่ชอบคือเรื่องของการให้ การให้นั้นไม่เหมือนกับ "การเสียสละเพื่อทำร้ายตัวเอง" ฟรอมม์บอกว่าการให้นั้นประเสริฐกว่าการรับ และเป็นสุขแก่ตัวผู้ให้สมดังคำพูดเชยๆ เพราะเมื่อเราให้ เราตระหนักถึงศักยภาพ ความสามารถในการทำอะไรเพื่อคนอื่น เป็นวิธีมองการให้อย่าง "รักตัวเอง" "เห็นแก่ตัว" นั้นไม่เหมือน "รักตัวเอง" คนเห็นแก่ตัวส่วนใหญ่จะไม่รักตัวเอง และมักแสดงออกเหมือนกับคอยช่วยเหลือคนนู้น คนนี้

อีกประเด็นที่น่าขบคิดคือความแตกต่างระหว่างศาสนาตะวันตก และตะวันออก ศาสนาตะวันตกยืนพื้นอยู่บนหลัก logic ของอริสโตเติล ซึ่งสอนว่า ถ้า A คือ B แล้ว A ไม่สามารถเป็น -B ได้ ขณะที่ศาสนาตะวันออกสอนให้เราตระหนักถึงความขัดแย้ง ความแน่นอนก็อาจเป็นความไม่แน่นอน ผลคือศาสนาตะวันออกจะเปิดกว้างมากกว่า และไม่นำไปสู่ความสุดโต่งทางศาสนา พาราดอกซ์นี้จะอยู่เฉพาะในห้วงความคิดเท่านั้น พุทธศาสนาถึงได้ย้ำบ่อยๆ ว่าแค่คิดอย่างเดียวไม่พอ (เพราะจะติดอยู่ในเขาวงกต) แต่ต้องปฏิบัติด้วย

เราชอบความคิดของฟรอมม์ แต่ไม่ค่อยชอบภาษา และวิธีนำเสนอ อ่านแล้วเหมือนไม่ค่อยถูกกระตุ้นสมองยังไงชอบกล แต่ก็ยังอยากติดตามต่อไป ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเล่มหน้าจะเป็นเล่มใด

3 comments:

Anonymous said...

ถ้า A คือ B แล้ว A ไม่สามารถเป็น -B ได้แล้ว แนวคิดแบบตะวันตกจะเปิดกว้างมากกว่ายังไงครับ ไม่เข้าใจ -^-

laughable-loves said...

ฮ่าๆ ผมเขียน "ตก" เป็น "ออก" ครับ สลับกัน

laughable-loves said...

เอ้ย เขียนผิดอีกแล้ว ผมเขียน "ออก" เป็น "ตก" วุ้ย!