R. Bradbury's "The Golden Apples of the Sun"


แบรดเบอรีเคยมาพูดที่มหาวิทยาลัยเราด้วย แกอายุปาเข้าไป 88 แล้ว ต้องนั่งรถเข็น ใส่เครื่องช่วยฟัง เสียงก็ไม่ค่อยจะมี แต่รับรองได้เลยว่าไม่มีทางที่ใครจะเดาถูก ว่าประโยคแรกของแบรดเบอรีในการพูดวันนั้นคืออะไร

"ผมคือนักรัก และนี่คือเรื่องราวของนักรักผู้ยิ่งใหญ่"

สองสิ่งซึ่งแบรดเบอรีรักที่สุดในโลกได้แก่ชีวิต และงานศิลปะ (เจาะจงไปเลยคือภาพยนตร์ และหนังสือ) สิ่งซึ่งเขาพยายามย้ำตลอดเวลาคือ "จงรักชีวิตของคุณ และจงใช้ชีวิตของคุณทำในสิ่งที่คุณรัก"

แบรดเบอรี เป็นเพื่อนสนิทกับเฟอเดอริโก เฟลินี ผู้กำกับชาวอิตาลีผู้โด่งดัง แบรดเบอรีพูดถึงความรักที่เขามีต่อวงการภาพยนตร์ ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแปลกใจเพราะไม่คิดว่าแกเกี่ยวข้องอะไรกับวงการขนาดนั้น ในภายหลังได้มาเช็ค imdb ดู เลยรู้ว่า จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แบรดเบอรีเขียนบทให้ภาพยนตร์โทรทัศน์ และละครมากมาย แต่นอกจาก Moby Dick ก็ไม่เห็นว่าแบรดเบอรีได้เคยทำงานใหญ่ๆ สักชิ้น (กระทั่ง Fahrenheit 451 ที่ถูกกำกับโดยผู้กำกับในตำนานอีกคน ทรุฟโฟ ก็ถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวเสียมากกว่า)

เอาละ ไม่ว่าแบรดเบอรีจะมีอิทธิพลมากหรือน้อยในวงการภาพยนตร์ ใครละจะไปปฏิเสธความรักของชายชราได้ลงคอ ยิ่งได้อ่านรวมเรื่องสั้น The Golden Apples of the Sun ก็ยิ่งรู้ว่าแกคงรักภาพยนตร์จริงๆ นั่นแหละ มีหลายเรื่องสั้นในนี้ที่เกี่ยวกับการแสดง ความจริง ความลวง และบางเรื่องก็เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำภาพยนตร์โดยตรงเลย

ถึงจะโด่งดังจากหนังสือ Fahrenheit 451 แต่ The Golden Apples of the Sun มีเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์เป็นส่วนน้อย ที่จริง แบรดเบอรีก็ไม่เคยเขียนงานให้ออกมาเป็นไซไฟจ๋า เหมือนอาซิมอฟ หรือ คลาร์กอยู่แล้ว งานของแบรดเบอรีจะมีความเป็นแฟนตาซีสูง บางเรื่องก็เหมือนจะมีเวทมนต์คาถาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนพื้นอยู่บนสัจนิยม และมนุษยนิยมเป็นส่วนมาก

รวมเรื่องสั้นชุดนี้ได้โบนัสพอยท์จากภาพประกอบฝีมือของโจเซฟ มูไงนี ซึ่งเรายกตัวอย่างมาให้ดู (อันนี้มาจากนิยาย War of the Worlds) ชอบภาพขาวดำฝีมือมูไงนีมากๆ การตัดกันระหว่างแสง และเงา สีขาว และสีดำ รวมถึงการออกแบบภาพด้วยทรวดทรงเรขาคณิต ช่วยให้ The Golden Apples of the Sun น่าอ่านขึ้นไปอีกโข

ระหว่างปาฐกถาของแบรดเบอรี อีกคำพูดหนึ่งซึ่งเราจำได้ขึ้นใจเลยคือ "ผมไม่ศรัทธาในคุณครูที่เป็นมนุษย์ สิ่งเดียวที่ผมศรัทธาคือหนังสือ โลกนี้ไม่ต้องมีมหาวิทยาลัยก็ได้ ขอให้มีห้องสมุด ก็เพียงพอแล้ว" อาจจะฟังดูเหมือนแบรดเบอรีมองข้ามอาชีพครู แต่ถ้าให้ว่ากันจริงๆ ที่สุดของที่สุดของหน้าที่คนเป็นครูคือช่วยให้เด็กรักการอ่าน ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น จริงไหม

2 comments:

Anonymous said...

hellο therе аnd thank you for yοur info – I have
ceгtaіnly piсked uρ anything neω frοm right heгe.
Ι did hοwever expeгtіsе some technical рoints using this sіte,
as I expеrienceԁ to reload the sіte a lot of times previouѕ to I could get іt to lοаԁ сorгectlу.

І had been wondering if your web hosting is ΟК?

Not that I'm complaining, but sluggish loading instances times will sometimes affect your placement in google and can damage your high-quality score if advertising and marketing with Adwords. Well I am adding this RSS to my email and can look out for a lot more of your respective interesting content. Ensure that you update this again soon.

Feel free to surf to my website ... iphonefix

Anonymous said...

Thank you fοr the good wrіteup. It in fact was a
amusement acсount it. Look advanceԁ to far addеd agreeable frοm
you! By thе way, hoω could wе communicate?


Also visit my blog ... iphone repair kl