A. Hewitt's "Political Inversions"


การสูญเสียที่ร้ายกาจที่สุดคือการสูญเสีย "การสูญเสีย" เมื่อเราสูญเสียไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองสูญเสียอะไร หรือไม่รู้ว่าตัวด้วยซ้ำว่าได้สูญเสีย คนเราสามารถ "คร่ำครวญ" (mourning) ถึงสิ่งที่แตกต่างจากตัวเรา สิ่งที่อยู่ภายนอกอัตลักษณ์ของเรา และเราได้สูญเสียมันไป แต่ที่น่ากลัวกว่าคือคนที่ตกอยู่ในสภาพ "ซึมเศร้า" (melancholia) อันเกิดจากการสูญเสียบางสิ่งซึ่งเราเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา เพราะนั่นหมายถึงว่าเราไม่ได้แค่สูญเสีย "บางสิ่ง" นั้นไป แต่ "บางสิ่ง" นั้นได้สูญหายเข้าไปในตัวเราตั้งแต่แรก

การ "คร่ำครวญ" เกิดจากความรักแบบ "ต่างเพศ" แต่สภาพ "ซึมเศร้า" มาจากความรักแบบ "เพศเดียวกัน"

Political Inversions พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "ลักเพศ" และ "เผด็จการฟาสซิสต์" ชื่อเต็มๆ ของมันคือ Political Inversions: Homosexuality, Fascism, and the Modernist Imaginary ฮิววิจต์เล่าว่าพอบอกใครต่อใครว่ากำลังวิจัยเรื่องนี้ มีแต่คนถามกลับว่า "สองอย่างนี้สัมพันธ์กันด้วยเหรอ" ซึ่งถ้าใครคิดลึกต่อไปอีก ก็จะตอบว่า "อ๋อ...นึกออกแล้วล่ะ พวก s&m ใช่ไหม อืม...น่าสนใจดีนะ" ซึ่งก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ฮิววิจต์มองว่า s&m คือปรากฏการณ์ที่ชาวรักร่วมเพศดัดแปลง "ภาพ" หรือ "ตัวแทน" ของฟาสซิสต์เพื่อรับใช้วัฒนธรรมของพวกเขา

เป้าหมายของฮิววิจต์คือความสัมพันธ์เชิงปรัชญา และจิตวิทยา มากกว่าในเชิงประวัติศาสตร์ ฮิววิจต์ย้ำตั้งแต่หน้าแรกเลยว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ตำราประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้กันว่านอกจากคนยิวแล้ว ฮิตเลอร์ยังมีนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยิปซี และพวกรักร่วมเพศ แต่ขณะเดียวกัน (และไม่ค่อยเป็นที่รู้กันเท่าไหร่) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายซ้ายออกใบปลิว ภาพยนตร์ หรือนิยาย เสียดสีเผด็จการเยอรมัน พวกนาซีจะถูกวาดภาพให้ออกมาเป็นรักร่วมเพศเสมอ (เกย์นาซีที่โด่งดังในโลกภาพยนตร์ได้แก่ใน Cabaret หรือ Raider of the Lost Ark) ดังนั้นในทางประวัติศาสตร์แล้ว จึงไม่อาจสรุปได้อย่างจะแจ้งว่า "ลักเพศ" และ "ฟาสซิสต์" อยู่ตรงข้ามกัน หรือส่งเสริมกัน

ส่วนตัวแล้วเรายังไม่รู้สึกว่าฮิววิจต์ประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงสองประการนี้เข้าด้วยกัน อย่างมากสุดก็แสดงให้เห็นถึงสภาพ "คู่ขนาน" เสียมากกว่า กล่าวโดยสรุป ฟาสซิสต์เกิดมาในสองประเทศซึ่งไม่ใช่แค่แพ้สงคราม แต่ได้สูญเสียความพ่ายแพ้นั้นไปด้วย โดยทั้งเยอรมัน และอิตาลีได้แปรความพ่ายแพ้นั้นมาเป็นอัตลักษณ์ระดับชาติ (ontologization for the loss) และกลายเป็นเบ้าหลอมปรัชญาฟาสซิสต์ในกาลต่อมา ฮิววิจต์มองว่า ระบบความคิดลักษณะนี้คล้ายคลึงกับโครงสร้างทางจิตวิทยาของชาวรักร่วมเพศ

จริงๆ หนังสือเล่มนี้ยังมีอะไรอีกมาก Political Inversions จัดว่าเป็นหนังสือที่ลึก และหนักเล่มหนึ่งเลย ขออุบบางประเด็นไว้ เพื่อพูดถึงในการต่อไป ถ้าจะติหลักๆ ก็คือ การแบ่งบทของมัน ที่ออกมาเป็นก้อนใหญ่ๆ ไม่มีบทย่อยเลย ทำให้หนังสือลึก และหนักเล่มนี้ อ่านยากกว่าที่มันควรจะเป็น

1 comment: