J. K. Rowling's "Harry Potter and the Deathly Hallows"
อ่านครับ ไม่ใช่ไม่อ่าน
สังเกตว่าเวลาคนพูดถึงแฮรี่เล่ม 7 เล่มจบนี้ จะชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับว่าบทสรุปของเรื่องตรงใจเขา เธอหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ จะว่าไปมันคงละเรื่องกันนะกับหนังสือดีหรือไม่ ตั้งแต่หยิบแฮรี่เล่มนี้ขึ้นมา สัญญากับตัวเองว่าต่อให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาด ตัวละครที่เราเชียร์ เกิดตายโง่ๆ ก็จะไม่ลงเอากับหนังสือ ดูกันที่เนื้อผ้าว่างั้น ส่วนฝีเย็บเป็นยังไง ปล่อยให้แฟนๆ เถียงกันเอง
ในส่วนการเขียนแล้ว นี่คือแฮรี่พอตเตอร์เล่มที่ดีที่สุด และแล้วโรลลิ่งก็สามารถสื่อสารให้เรารู้ถึงอารมณ์ตัวละครมากไปกว่าใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน สังเกตมานานแล้วว่าซีรีส์นี้ และตัวผู้เขียนเองคงมีความผูกพันบางอย่างกับหิมะ ฉากที่ดีๆ หลายอย่าง ทั้งในฉบับภาพยนตร์ และหนังสือ มักเกิดท่ามกลางความขาวโพลนของทัศนียภาพ ในเล่มนี้โรลลิ่งใช้หิมะสื่อสารความปล่าวเปลี่ยว อับจนหนทาง แฝงบรรยากาศเงียบๆ เหงาๆ แต่ก็สวยจับใจ บทที่ชอบที่สุดคือบทที่ 16 ตอนที่แฮรี่กลับไปเยี่ยมสุสานของพ่อและแม่ในคืนวันคริสมาสต์ เป็นครั้งแรกที่เห็น layer ทางภาษาที่พยายามสื่อหลายๆ สารเข้ามาพร้อมกัน อีกประเด็นที่น่าสนใจคือสภาพการเหยียดเลือดในโลกพ่อมดแม่มด ซึ่งชัดเจนว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเยอรมันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรลลิ่งประสบความสำเร็จในการวาดภาพสังคม น่าเสียดายที่มันไม่ได้ต่อไปไหน โผล่ๆ มาช่วงต้นๆ เล่มแล้วก็หาย
ใครดูภาพยนตร์ภาค 5 จะพบว่าไอ้หนังสือยาวกว่าพันหน้านี่ก็สามารถย่นย่อให้เหลือหนังสองชั่วโมงกว่าๆ ได้แฮะ ปัญหาของโรลลิ่งคือคุณเธอชอบใส่รายละเอียดตรงนู้นตรงนั้น ซึ่งเราก็ได้ประจักษ์กันเสียทีว่ามันฟุ่มเฟือยขนาดไหน (หลายอย่างที่ผู้เขียนพูดถึงในเล่มหลังๆ แทบไม่ได้เอามาต่อเติมหรือใช้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน) ในทางกลับกันเล่ม 7 นี่เนื้อๆ ทั้งนั้น ยังคิดไม่ออกเลยว่าเอามาแปลงเป็นภาพยนตร์ได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างมันสำคัญไปหมด ถ้าจะติอย่างเดียวก็คือการดำเนินเรื่องค่อนข้างซ้ำซาก แต่เราโทษเล่ม 5 เล่ม 6 มากกว่าที่ยืดเรื่องมาจนถึงภาคนี้ ถ้าแม่คุณเปิดฉาก horcrux ตั้งแต่เล่ม 5 แล้วให้ค่อยๆ ไล่ล่ากันตั้งแต่เล่ม 6 เล่มนี้ก็คงไม่ต้องหนาปึก
อ๋อ เล่มนี้แฮรี่ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้วนะครับ จริงๆ โรลลิ่งน่าจะให้แฮรี่ออกมาจากฮอคเวิร์ตได้ตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าจุดเด่นของซีรีส์นี้จะอยู่ที่การผนวกโรงเรียน และคาถาเข้าด้วยกัน กระนั้นตั้งแต่เล่มหลังๆ เป็นต้นมา เริ่มชัดเจนแล้วว่าข้อจำกัดตรงนี้ส่งผลแง่ลบแค่ไหนบ้างกับการดำเนินเรื่อง อีกจุดที่ชอบมากคือความ mystical เคยคุยกับเพื่อนนานแล้วว่าโรงลิ่งเป็นนักเขียนแฟนตาซีที่จืดชืดที่สุด เธอสร้างโลกพ่อมด แม่มดที่ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลอง กฎเกณฑ์ ไม่มีตำนาน ไม่มีความเชื่อใดๆ ทั้งสิ้น อะไรที่คุณเห็น ก็เป็นเช่นนั้นแหละ ในเล่มนี้โรลลิ่งใส่ตำนาน deathly hallows ลงไปซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศมนตราให้กับหนังสือเวทมนตร์ ถือเป็นการปิดฉากอย่างสวยงามให้กับการผจญภัยมโหฬารเรื่องนี้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
5 comments:
I do agree that liking or disliking a book has more to do with our own personal preference than with the quality of the book itself. I think, though, that there might not be an objective way to judge a book (or anything at all for that matter). You said, for example, that the symbolism in HP7 makes it a better book than the previous six. But someone from another country, another time period, etc. may disagree with you and say that it's not the symbolism but the plain and direct way of writing that makes a book good. So, in the end, saying that you think a certain book is good may actually be as subjective as saying that you like a certain book.
กรณีหนังสืออย่างแฮรี่ พอตเตอร์เล่ม 7 ผมเคยอ่าน reaction ผู้คนบนเน็ต แล้วสังเกตว่า คนมักจะให้เหตุผลการไม่ชอบว่า ตัวละครตัวนี้ตาย ตัวนี้บทน้อยไปหน่อย หรือไม่อยากให้คนนี้ได้กับคนนั้น ซึ่งในแง่หนึ่ง ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ เทียบกับหนังสืออย่าง werther ไม่เห็นเคยมีใครบ่นเลยว่าทำไมเกอเธ่ต้องฆ่า werther ทิ้งด้วย ผมเลยรู้สึกว่าหนังสือถ้าจบไม่ได้ดังใจ น่าจะเรียกเล่มนั้นว่า "จบไม่ดี" แทนที่จะบอกว่า "หนังสือไม่ดี"
กรณีแฮรี่ พอตเตอร์ เป็นเพราะซีรีส์นี้อยู่มานาน นักอ่านผูกพันกับตัวละคร ทำให้แต่ละคนมี "เนื้อเรื่อง" หรือ "ทิศทาง" ที่อยากให้หนังสือดำเนินไป ซึ่งตัวผมเองก็เป็น ถึงได้บอกว่า ต่อให้ลูน่า หรือเฮอไมโอเนตาย ผมก็จะไม่ถือแค้นเคืองโกรธ :P
ถ้ามองว่าโรลลิ่งคือคนเขียน เธออยากแต่งให้ใครตาย ใครได้กับใคร ก็เป็นสิทธิของเธอ ขอให้เนื้อเรื่องมันสนุกชวนติดตาม ก็น่าจะพอแล้ว หรือเปล่า
I understood your point and agreed with you ka. I just felt like you were juxtaposing subjective judgment (liking or disliking a book) to objective evaluation (judging it a good or bad piece of literature). And I simply wanted to point out that absolute objectivity might actually not exist, that what you seem to present as objective is perhaps less subjective than the other kind of evaluation but subjective nonetheless.
Anyway, this is just my own musing and has nothing to do with the Harry Potter series, which I don't read :P
คุณกำลัง spoil คนที่ยังไม่ได้อ่านแฮรี่อยู่อ่ะ
ไม่แน่ใจว่าคุณ B พูดถึงอะไร แต่ถ้าประโยคนี้
"ซึ่งตัวผมเองก็เป็น ถึงได้บอกว่า ต่อให้ลูน่า หรือเฮอไมโอเนตาย ผมก็จะไม่ถือแค้นเคืองโกรธ :P"
ไม่ได้บอกว่าจริงนะครับ ผมแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ เพราะสองคนนี้เป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง
Post a Comment