หมู่บ้านในแสงเงา (โกสินทร์ ขาวงาม)


อืม...ดอกคูนนี่ก็สวยเหมือนกันแฮะ สังเกตว่าดอกไม้ไทย ต่างจากดอกไม้ฝรั่งตรงที่มันจะสวยสุด เวลาอยู่รวมกันเป็นช่อ เหมือนบทกวีไทย จะอ่านให้ได้อรรถรสสุด คงต้องอ่านกันเป็นเล่ม นี่!

สารภาพเลยว่าไม่ใช่คนอ่านกลอน หนังสือรวมบทกวีส่วนใหญ่ที่ซื้อมาจะวางทิ้งไว้ในห้องน้ำ (ไม่ใช่ด้วยความไม่เคารพนะครับ แต่รู้สึกว่าขนาดความยาว และเวลาที่ใช้อ่านแต่ละบท มันเหมาะจะเอาไปวางไว้ตรงนั้น) พอปีนี้ซีไรต์เป็นกวี ก็ตั้งใจไว้ว่าจะร่วมสนุก อ่านทุกเล่มให้จบก่อนประกาศ แล้วทายผล ขอบคุณร้านหนังสือดอกหญ้า la ที่อุตส่าห์สั่งซื้อมาจากเมืองไทย ไม่อย่างนั้นก็คงหมดโอกาสแล้ว ย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่คนอ่านกลอน ถ้าจะเขียนถึง หมู่บ้านในแสงเงา ก็คงต้องเขียนอย่างงูๆ ปลาๆ เท่านั้นแหละ

ก่อนอื่นก็เหมือนกับที่เกริ่นไว้แหละ เวลาอ่านรวมบทกวี อ่านเป็นเล่มนี้ได้ใจกว่าอ่านแยกจริงๆ ด้วย รู้สึกเหมือนแต่ละบทมันช่างส่งเสริมอารมณ์กัน หมู่บ้านในแสงเงา ก็เหมือนกับชื่อเรื่องนั่นเอง คือเป็นกลอนเกี่ยวกับวิถีชีวิตชนบท ที่แทรกเอาความทันสมัยเข้าไป เฉกเช่นเดียวกับบทกวีของคุณโกสินทร์ที่มีคำฝรั่งแทรกเอาไปให้เราอมยิ้มมุมปาก ถึงรูปลักษณ์จะดูเหมือนเชยๆ (พูดถึงเด็ก คนชรา ชาวนา และท้องทุ่ง) แต่เนื้อหาทันสมัยไม่เลว คุณโกสินทร์ใส่ความคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นระยะๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธ ความศิวิไลซ์ วัฒนธรรมตะวันตก หรือก่นด่าทุนนิยมเหมือนนักคิดรุ่นก่อน (อย่าง ภรรยาของชาวต่างประเทศ ก็ให้ฝรั่งจอห์นเป็นพระเอกเต็มๆ เลย) ไม่ได้มีกลอนแม่สายประเภทน้องนางบ้านนาเข้าไปขายตัวในเมืองกรุง สรุปก็คือเป็นการมองชนบทด้วยสายตาศิลปินรุ่นใหม่จริงๆ คือหลุดจากกรอบความคิดเมืองล้างป่า ป่าผลาญเมืองอะไรเทือกนั้น

สองบทที่ตรึงใจกว่าเพื่อนคือ มีเธอในชีวิต และ ดอกคูนสีชมพู เรื่องแรกพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียน และสิ่งแวดล้อม อ่านแล้วอิน ส่วนเรื่องหลังจะว่าเป็นกลอนหนุ่มสาวธรรมดาก็ได้ แต่อารมณ์ของเรื่องถึง อ่านไปก็เลยยิ้มไป

ขอชมสำนักพิมพ์เครือข่ายนักเขียนแห่งประเทศไทยหน่อย (เป็นสำนักพิมพ์หรือเปล่า) จัดวางรูปเล่มได้สวยงาม กระดาษถนอมสายตาอ่านง่าย ปกจากฝีมือสีน้ำอาจารย์เทพศิริ และรูปประกอบในเล่มของคุณโกสินทร์เอง ซึ่งส่งเสริมอารมณ์กลอนได้เป็นอย่างดี ถ้าจะแอบตินิดหนึ่งคือมีการใช้รูปซ้ำ ไม่รู้ตั้งใจหรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีรูปเหลือจริงๆ ไม่ใส่เลยดีกว่าไหม