F. S. Fitzgerald's "This Side of Paradise"


ว่ากันว่า ทุกคนมีสเป็กผู้หญิง ผู้ชายที่ชอบ แต่สำหรับใครที่เรารักจริงๆ เรื่องสเป็กนี้ลืมไปได้เลย ไม่รู้จริงหรือเปล่า เพราะเพื่อนเราบางคน เวลามีแฟนทีไร ส่วนใหญ่ก็จะไม่ไกลจากกันมาก แต่ขณะเดียวกัน ก็มีคนอีกจำพวกหนึ่ง ซึ่งแฟนแต่ละคน แทบจะหาคุณสมบัติคาบเกี่ยวกันไม่เจอเลย เราว่าเราจัดอยู่ในประเภทหลัง อามอรี เบลน ตัวเอกของ This Side of Paradise ก็คงเช่นเดียวกัน

ตลอดนิยายเล่มนี้อามอรีมีคนรักสี่คน คนแรกสุดคืออิซาเบล เป็นความรักที่พัพพีเลิฟสุดๆ และไม่ใช่พัพพีเลิฟธรรมดา เพราะฝ่ายชายเป็นถึงนักเรียนปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยที่ "ไฮโซ" ที่สุดในอเมริกาอย่างพรินซ์ตัน และฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวเศรษฐี ความรักระหว่างอิซาเบล และอามอรี เต็มไปด้วยความผิวเผิน และการแสดงออกตามมารยาท จนบางครั้งดูเหมือนต่างฝ่ายต่างเล่นบทบาท อย่างที่สังคมภายนอกคาดหวังให้พวกเขาเล่น ความรักแบบนี้คือตัวแทนยุคสมัยแห่งแจ๊ส

คนรักคนที่สองคือเซเลีย เป็นแม่ม่าย ลูกติดสองคน เซเลียเป็นผู้หญิงฉลาด ถึงจะไม่มีการศึกษาเป็นชิ้นเป็นอัน เช่นเดียวกับผู้หญิงส่วนใหญ่ในสมัยนั้น แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิต ขนาดนักเรียนพรินซ์ตันปีสี่ยังอดไม่ได้จะหลงเธอหัวปักหัวปำ เซเลียคือสัญลักษณ์ของการเติบโต ณ ช่วงหนึ่งของชีวิตชายหนุ่ม จะถูกดึงดูดด้วยสติปัญญา ด้วยผู้หญิงที่อายุมากกว่า อามอรีขอหล่อนแต่งงาน และถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่เขาไม่เข้าใจ เซเลียเป็นตัวแทนโลกของผู้ใหญ่ ที่อยู่ไกลเกินความเข้าใจของนักเรียนปีสี่พรินซ์ตัน

คนรักคนที่สามคือโรซาลิน เป็นรักแท้ที่สร้างบาดแผลชั่วนิรันดรให้กับอามอรี โรซาลินเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว ที่ชอบหลอกใช้ผู้ชาย แต่สุดท้ายก็มาตกหลุมรักอามอรี ซึ่งอามอรีเองก็รักเธอเช่นกัน แต่เนื่องมาจากตอนนั้นสถานภาพการเงินของเขาไม่ดีเช่นแต่ก่อน สุดท้าย โรซาลินก็ต้องไปแต่งงานกับเศรษฐีที่มาพัวพันด้วย ชายหนุ่มทุกคนจะต้องมีความรักแบบนี้ รักที่มีเพื่อให้ชีวิตได้เรียนรู้ความเจ็บปวด ชอบประโยคหนึ่งที่เธอพูดมากๆ คือเธอเชื่อว่า "คนเห็นแก่ตัวจะมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าคนทั่วไป"

ฟิทซ์เจอราล์ดใช้เทคนิกการเล่าเรื่องแบบบทละคร ในช่วงของโรซาลิน ซึ่งประหลาดมาก ไม่ค่อยจะเคยเห็นฟิทซ์เจอราล์ดเล่นเทคนิกอะไรเท่าไหร่ในนิยาย แถมการเล่าแบบนี้ทำให้เรื่องดูตื้นเขินชอบกล ไม่เห็นจะเหมาะกับความรักยืนยงตรงไหนเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ เจ้าตัวยังเจ็บปวดกับเรื่องราวในอดีต จนไม่กล้าเขียนออกมาตรงๆ หรือเปล่า (อามอรีก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลหรอก ก็ตัวฟิทซ์เจอราล์ดเองนั่นแหละ)

เราชอบคนที่สี่สุด เอเลนอร์ เธอเป็นผู้หญิงช่างฝัน เป็นศิลปินเช่นเดียวกับอามอรี และป็นผู้หญิงคนเดียวที่รักเขา มากกว่าเขารักเธอ บทสนทนาระหว่างเอเลนอร์ และอามอรี หวาน ชวนฝัน และก็เวอร์มากๆ เช่น "ความรักในฤดูร้อนไม่มีจริง ฤดูร้อนคือความฝันที่ไม่อาจเติมเต็มได้ของฤดูใบไม้ผลิ"

This Side of Paradise เป็นนิยายเล่มแรกของฟิทซ์เจอราล์ด และเป็นนิยายที่เขียนดีมากๆ สัมผัสได้ถึงวัยเยาว์อันสวยงาม สวยงามจนคนอ่านรู้สึกได้ทันทีว่าสิ่งที่สวยงามขนาดนี้ไม่มีทางยั่งยืนแน่ๆ

เฮ้อ! โลกนี้ นี่มันเศร้าจริงๆ

No comments: