I. Murdoch's "Jackson's Dilemma"


จำได้ว่าหนังสือเล่มแรกๆ ที่อ่านตอนต้นปี 2006 คือ "ใต้ตาข่าย" ซึ่งเป็นนิยายเล่มแรกของไอริช เมอดอก พอถึงปลายปี ก็เลยถือโอกาสหยิบ "ทางเลือกของแจคสัน" ซึ่งเป็นนิยายเล่มสุดท้ายมาอ่าน เมอดอกเขียน "ทางเลือกของแจคสัน" ก่อนตัวเองจะถูกโรคอัลไซเมอร์เล่นงาน ระหว่างที่อ่าน "ทางเลือกของแจคสัน" ก็พยายามจับผิดอยู่เหมือนกัน ว่ามีตรงไหนพอบอกได้บ้างว่าคนเขียนกำลังล้มป่วยด้วยอาการความจำเสื่อม ยอมรับว่าไม่ค่อยตั้งความหวังเท่าไหร่กับนิยายช่วงหลังๆ ของเมอดอก เล่มก่อนหน้า "ทางเลือกของแจคสัน" คือ "อัศวินเขียว" ซึ่งเป็นหนังสือของเธอที่เราชอบน้อยที่สุด เล่มนี้ค่อนข้างดีกว่า "อัศวินเขียว" อย่างหนึ่งก็เพราะมันสั้นกว่า เป็นหนังสือที่สั้นที่สุดของเมอดอกที่เคยอ่าน บางทีเจ้าตัวอาจตระหนักก็ได้ว่าเหลือเวลาไม่เยอะแล้ว (แต่ถ้าดูจากในภาพยนตร์เรื่องไอริช มันถูกเขียนจบก่อนที่อาการอัลไซเมอร์จะกำเริบ ก็เลยบอกไม่ได้เหมือนกันว่าสมมติฐานเราถูกผิดแค่ไหน)

เพราะความสั้นกระมัง "ทางเลือกของแจคสัน" ก็เลยเป็นนิยายห้วนๆ ไม่สมบูรณ์ยังไงไม่ทราบ แต่ละบทกุดๆ บางทีก็มีแค่สี่ห้าหน้า จากที่เคยล้วงลึกเข้าไปในความคิดตัวละคร เล่มนี้เหมือนๆ เมอดอกจะแค่บอกกล่าวการกระทำภายนอก แต่จุดเด่นตามแบบนิยายของเธอก็ยังพอมีให้เห็น ตั้งแต่ตัวละครมหาศาล เรื่องราวซึ่งดำเนินไปพร้อมๆ กันจากหลายแง่มุม ถ้าให้สรุปเรื่องคร่าวๆ เราจะบอกว่านี่คือนิยายว่าด้วยคิวปิดสองคน คนแรกคือเบเนต เป็นคิวปิดที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ เพราะจับคู่หนุ่มสาวสลับกันประจำ แถมยังชอบคร่ำครวญรู้สึกผิด คิวปิดคนที่สองคือแจคสัน คนรับใช้ผู้ลึกลับของเบเนต ต้องมาคอยตามแก้ไขความยุ่งเหยิงที่เจ้านายก่อ

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของตัวละครแจคสันคือ นี่เป็นครั้งที่สองที่ในนิยายเมอดอกมีคนรับใช้เป็นตัวละครเด่น ซึ่งถ้ามองตามขนบนิยายน้ำเน่าอังกฤษแล้วถือว่าผิดปรกติมากๆ อีกเล่มที่มีตัวละครเอกเป็นคนรับใช้เหมือนกันคือ "ใต้ตาข่าย" ซึ่งเป็นนิยายเล่มแรก ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออย่างไร

ให้สรุปสั้นๆ รู้สึกว่า "ทางเลือกของแจคสัน" ดูจะมีความน่าสนใจในเชิงประวัติคนเขียนมากกว่าเป็นนิยายที่น่าอ่านจริงๆ คงเฉพาะแฟนๆ เท่านั้นที่จะเพลิดเพลินกับหนังสือเล่มนี้ได้

No comments: