คุณเองก็เป็นผู้นำมวลชนได้!
ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองอันร้อนฉ่า จู่ๆ เราก็นึกถึงเรื่องสั้นเสียดสี สำนักบริหารม็อบแห่งชาติ ของคุณสนั่น ชูสกุล เมื่อรัฐบาลหัวเสจัดตั้งกระทรวงม็อบ เพื่อจัดแผนก ลงทะเบียน สร้างสถานที่ให้ม็อบมาร่วมชุมนุม แต่สุดท้ายก็มีแต่ม็อบหน้าม้าของรัฐบาลที่เข้ามาอยู่ในระบบ ส่วนม็อบที่ต่อต้านรัฐบาลก็ยังออกไปเย้วๆ กันข้างนอกเหมือนเดิม
เรื่องสั้นเรื่องนี้ตั้งอยู่บนมายาคติที่ว่าม็อบคือการรวมตัวกันของผู้มีอุดมการณ์ ขอแค่นี้และมีใจขบถต่อรัฐบาล ที่เหลือไม่จำเป็น และจะทำให้ม็อบสูญเสียความเป็นม็อบไปเปล่าๆ
ซึ่งเป็นมายาคติที่ ผิด! มิหนำซ้ำมันยังผลิตมายาคติอันตรายขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง นั่นคือม็อบตัดสินกันได้ด้วยอุดมการณ์ ม็อบที่ดีคือม็อบที่ผู้มาร่วมมาด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ได้ถูกจ้างวานมา และม็อบที่ดีทำอะไรก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะยึดสนามบิน ปิดถนน ระเบิดภูเขา หรือเผากระท่อม
ในอดีตม็อบอาจเป็นเพียงการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลซึ่งมีอุดมการณ์ตรงกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สุดท้ายก็ผนึกกำลังออกไปเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้บุคคลอื่นพิจารณาแนวทางของพวกเขา จุดประสงค์ของม็อบในลักษณะนี้ล้าสมัยไปเสียแล้ว ตั้งแต่อินเตอร์เนตสร้างพื้นที่สาธารณะความไวแสง ในศตวรรษที่ 21 จุดประสงค์รองๆ ของม็อบ เช่น การกดดันผู้มีอำนาจ เรียกร้องสิทธิ จึงถูกยกขึ้นมาแทนจุดประสงค์หลัก ม็อบยุคหลังสมัยใหม่นี้จึงอาศัยมากกว่าแค่อุดมการณ์ แต่รวมไปถึงยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการด้วย
นักหนังสือพิมพ์หลายคนพูดกันว่ากลุ่มเสื้อแดงมาคราวนี้แตกต่างจากเมษายนปีที่แล้ว มีการจัดกระบวนทัพที่เป็นระบบกว่าก่อน ผลของการจัดการนี้ ส่วนหนึ่งก็คือเสาร์อาทิตย์ที่สิบสาม สิบสี่มีนาคม ซึ่งคนกรุงเทพใช้ชีวิตกันอย่างแทบกลั้นหายใจ ก็ผ่านไปอย่างสงบสันติในระดับหนึ่ง คนกลุ่มเดียวกัน อุดมการณ์แบบเดียวกัน สามารถเป็นได้ทั้งม็อบอันธพาล และม็อบที่ไม่ขู่ให้ตลาดหุ้นผวา
ม็อบในอดีต ตั้งแต่ยุคตุลาฯ พฤษภาฯ มักจะมาและไปแบบแปล๊บๆ ขณะที่ม็อบในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะปักหลักอยู่โยง “เปลวสีเงิน” ซึ่งเหลืองอร่ามมาแต่ไกล เคยวิจารณ์ม็อบพันธมิตรว่าเป็น “น้ำบ่อเน่า” คือขังอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ระบายออกไปไหน แต่สำหรับเรา ซึ่งเคยไปทัศนาจรม็อบพันธมิตร ยอมรับว่าระบบการจัดการของเขานั้นดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค การจราจร สื่อวีดีทัศน์ หรือกระทั่งการขายสินค้ายี่ห้อพันธมิตร ซึ่งแน่นอนว่าจะจัดการม็อบระดับนี้ได้ ไม่ใช่ด้วยอุดมการณ์ล้วนๆ หนึ่งคือต้องเงินถึง (เอาง่ายๆ คือรุ่นพี่เราที่ทำบริษัท Organizer จากเกือบล้มละลาย ตั้งตัวขึ้นมาใหม่ได้ด้วยม็อบพันธมิตร) สองคือต้องมีการวางแผนระดับเซียน
ซึ่งจุดนี้ม็อบพันธมิตรสอบผ่าน และ ถ้าม็อบคือสภาพความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ในสังคมไทย สมควรอย่างที่จะเป็นแบบอย่างให้ม็อบเสื้อแดง และม็อบอื่นๆ ในอนาคต (และช่วยให้เราทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับรุ่นพี่อีกคนว่า “ให้หาข้อดีของม็อบพันธมิตรมาพูด”)
ต้องเน้นวลี “ถ้าม็อบคือสภาพความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ในสังคมไทย” เพราะโดยส่วนตัว เราก็ยังไม่เชื่อว่านี่คือทางออก ขึ้นชื่อว่าเป็นม็อบ ไม่ว่าจะเสื้อสีอะไร สุดท้ายก็เป็นการเหยียบเส้นผิดถูก และสร้างบริเวณสุญญากาศทางกฏหมาย ที่ไหนมีม็อบ ที่นั่นมีมือมืด (เราชอบคำว่า “มือมืด” มากกว่า “มือที่สาม” เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็ไอ้มือหนึ่งมือสองนี่แหละ มาทำเนียน) และรู้ๆ กันอยู่ว่าการก่อความวุ่นวายให้จับมือใครดมไม่ได้นั้นนั่นง่ายดายเพียงใดในประเทศเรา (ล่าสุดที่เขียนบลอคนี้ก็เริ่มมีการปาระบ่งระเบิดกันแล้ว)
ถ้าในท้องตลาดมีหนังสือฮาวทูสำหรับ CEO สักพันเล่ม บางทีประเทศไทยอาจต้องการหนังสือฮาวทูบริหารจัดการม็อบสักร้อยเท่าของจำนวนนั้นก็ได้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
รู้สึกเหมือนน่าจะขำได้ แต่ก็ต้องนิ่งถ้าคิดต่อ จนทำให้ขำไม่ออกไปเหมือนกันค่ะ ติดตามอ่านอยู่บ่อยๆค่ะ ชอบแนวข้อคิดเห็นของคุณมากค่ะ
Post a Comment