ในประวัติศาสตร์มีประวัติศาสตร์อยู่ พอพูดถึงคลีโอพัตรา เราก็จะนึกถึงราชินีอียิปต์คนสุดท้าย ผู้มีเกิดและตายก่อนพระเยซู นึกถึงอียิปต์โบราณ นึกถึงปิรามิด ทั้งที่จริงๆ ในยุคสมัยของคลีโอพัตรา ปิรามิดที่สร้างไว้ตั้งแต่พันกว่าปีที่แล้ว ก็กลายเป็นโบราณสถานไปเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ราชินีอียิปต์พาคนรักคนแรกของเธอ จูเลียส ซีซาชมปิรามิด ความรู้สึกก็คงไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวสมัยนี้ที่ล่องเรือไปตามแม่น้ำไนล์เท่าไหร่ (นอกจากนี้ฐานที่มั่นของเธอคือเมืองอเลกซานเดรีย ซึ่งเป็นเป็นเมืองหลวงของโรมันในอียิปต์ ตัวคลีโอพัตราจริงๆ ก็ไม่ได้มีเชื้อสายอียิปต์ใดๆ ถ้าโควตชิฟฟ์ก็คือ "คลีโอพัตราเป็นสาวอียิปต์พอๆ กับอลิซาเบธ เทเลอร์")
เท่าๆ กับที่ Cleopatra เป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของคลีโอพัตรา ยังเป็นเรื่องราวของ "ประวัติศาสตร์" ของคลีโอพัตราและ เป็นเรื่องราวของ "ประวัติศาสตร์" ส่วนที่เกี่ยวกับคลีโอพัตราอีกต่างหาก คลีโอพัตราสืบเชื้อสายราชวงศ์พโตเลมี ที่เข้ายึดครองอียิปต์ภายหลังพระเจ้าอเลกซานเดอร์ถอยทัพออกไป สามร้อยปีก่อนหน้านั้น ราชวงศ์พโตเลมีทุกพระองค์ รวมไปถึงคลีโอพัตราเองพยายามใช้ประโยชน์จาก "ตำนาน" อเลกซานเดอร์ รวมไปถึงตำนานที่เก่าแก่กว่านั้น เช่น เทพเจ้าไอซิสเพื่อผลประโยชน์ในทางการเมืองของตัวเอง
คลีโอพัตราโชคร้ายมากที่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ที่บันทึกเรื่องราวของเธอ ล้วนเขียนจากมุมมองของคนที่ต่อต้านตัวเธอ ชิฟฟ์อธิบายว่าเปรียบเทียบเทียบระหว่างอียิปต์และโรมันในยุคนั้น ก็เหมือนระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ชาวโรมันรู้สึกเหมือนความเป็นชายของตัวเองถูกท้าทายโดยอียิปต์ที่มั่งคั่งกว่า และปกครองโดยราชินีผู้ชาญฉลาดพอๆ กับ statesman ของตน บันทึกประวัติศาสตร์ในยุคหลังๆ ก็เลยบิดเลือนภาพลักษณ์ของคลีโอพัตราให้เหลือเพียงเรื่องเพศ และกามารมณ์แทน
สองพันปีนับจากนั้น มุมมองแบบอาณานิคมที่ชาติตะวันตกหันมองมายังโอเรียน ก็ยังคงได้รับอิทธิพล และมีส่วนคล้ายคลึงอยู่ไม่น้อยกับความสัมพันธ์ระหว่างโรมและอเลนซานเดรียในสมัยของคลีโอพัตรา
No comments:
Post a Comment