J. Sartre's "Intimacy"


ต้องให้โล่ห์ซาร์ตเลยที่สามารถเขียน The Childhood of a Leader เรื่องสั้นหลักใน Intimacy ให้คนไม่ชอบอ่านอัตชีวประวัติอย่างเราสนุกสนานไปกับเรื่องนี้ได้ พูดกันอย่างแฟร์ๆ คือ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลูเชียนและซาร์ตมีความเหมือนความต่างมากน้อยเพียงใด ไอ้เหมือนหมดนี่คงไม่เหมือนหมด (ลูเชียนเป็นพวกเกลียดชังชาวยิว) แต่ถ้าซาร์ตไม่ตั้งใจใส่บางอย่างของตัวเองเข้าไปในลูเชียน เจ้าหนูคนนี้คงไม่บอกตัวเองหรอกว่า สักวันหนึ่งฉันจะเขียนหนังสือชื่อ The Treaty on Nothingness

ดังนั้นคำถามที่น่าขบคิดสำหรับเราคือทำไมเราถึงเพลินเพลินกับอัตชีวประวัติชิ้นนี้นัก ส่วนหนึ่งคงเพราะว่ามันสั้น แค่ร้อยหน้ากว่าๆ แต่ถ้าให้อ่านแบบนี้อีกสักร้อยสองร้อยหน้า เราก็ยังพอไหว (ไม่เหมือนเวลาอ่านงานแนวอัตชีวประวัติเล่มอื่นๆ ที่แค่สามสิบหน้า ก็รู้สึกอยากวางเต็มแก่แล้ว) อย่างหนึ่งคือซาร์ตไม่ได้พยายามสร้างความโรแมนติกให้กับชีวิตของลูเชียน เจ้าหนูคนนี้เจอเหตุการณ์อะไร ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ที่เขาให้ความสำคัญมากกว่าคือพัฒนาการทางความคิดของลูเชียนในฐานะ "นักอัตถิภาวะนิยม" จุดนี้ก็เลยทำให้ The Childhood of a Leader ใกล้เคียงกับ "นิยายแห่งความคิด" (novel of idea) มากกว่างานเชิงอัตชีวประวัติทั่วไป

ซึ่งก็ตั้งคำถามต่อไปได้ว่า สมจริงแล้วหรือกับการที่เด็กสิบขวบ จะมาใคร่ครวญถึงความว่างเปล่าและความตาย เราตอบได้เลยว่า "สมจริง" เราคนหนึ่งล่ะที่พอจำได้ว่าสมัยเด็กก็เคยคิดอะไรแบบลูเชียน จุดเด่นสุดของผลงานชิ้นนี้คือซาร์ตสามารถแสดงความคิดที่ซื่อสมวัยแต่ก็ลึกซึ้งในขณะเดียวกัน อาจไม่ใช่ความลึกซึ้งในทางปรัชญา แต่ที่แน่ๆ คือเราเชื่อว่าเด็กมีศักยภาพในการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่และสิ่งรอบตัวแบบที่ผู้ใหญ่ทำไม่ได้

เราชอบสภาพสังคมฝรั่งเศสที่สื่อออกมาในนิยายเล่มนี้ มันมีความมั่วๆ โบฮีเมียนที่กำลังพอดีและไม่น่าหมั่นไส้จนเกินไป ความกำลังพอดีตรงนี้เองก็เป็นอีกเสน่ห์ ซาร์ตวางตัวละครลูเชียนให้เป็น "ผู้นำ" และ "นักปรัชญา" และเมื่อถึงตอนจบของนิยาย ลูเชียนทำท่าว่าจะได้พบปรัชญาบางอย่างที่อาจจะคล้ายๆ กับปรัชญาของซาร์ต แต่ขณะเดียวกัน ความเป็นนักต่อต้านชาวยิวของลูเชียนก็ค่อยๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วย คนอ่านเลยอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าผู้เขียนจะเอายังไงกัันแน่กับตัวละครตัวนี้

ส่วนเรื่องสั้นอื่นๆ ใน Intimacy พูดตรงๆ คือไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ใบนปกโฆษณาไว้ซะใหญ่โตว่า "Unlike anything you've ever read before” แต่ในความเห็นเรา “Been there done that many times before” น่าจะเหมาะสมกว่า

No comments: