G. Greene's "The Ministry of Fear"


แทบจะกลายเป็นขนบไปแล้วว่า นิยาย การ์ตูน หรือเกมที่เปิดฉากด้วยตัวเอกความจำเสื่อม ความสนุกคือการที่คนอ่านค่อยๆ สืบค้นประวัติที่หายสูญไปพร้อมๆ กับตัวเอก และสุดท้ายก็มักจะนำไปสู่จุดหักเหอันน่าตื่นเต้น (ใครที่เป็นแฟนไฟนอลแฟนตาซียุคเก่า จะรู้ว่าตั้งแต่ภาคห้า หก เจ็ด ตัวเอกไฟนอลจะต้องมีอาการความจำเสื่อม)

ใน The Ministry of Fear กรีนกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นี่คือนิยายตัวเอกความจำเสื่อมที่ผู้อ่านรู้อยู่แต่แรกว่าอะไรคืออดีตของเขา มันแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกจัดว่าเพี้ยนมากๆ เปิดฉากเหมือนภาพยนตร์ฮิชคอก ที่ผู้บริสุทธิ์ถูกดึงเข้าสู่วังวนของการฆาตกรรม สายลับ และการสืบสวน ต่างแต่กรีนใส่กลิ่นของความแปลกวิถี (absurd) ลงไปด้วย แมคกัฟฟินในที่นี้ไม่ใช่รหัสลับที่ซ่อนอยู่ในเสียงเพลง หรือจดหมายที่ถูกสลับโดยบังเอิญ แต่เป็นก้อนเค้กที่อาเธอร์ ตัวเอกของนิยาย ได้เป็นรางวัลมาจากงานการกุศล

เรื่องราวค่อยๆ เปิดเผยแก่คนอ่านว่า อาเธอร์ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้บริสุทธิ์ขนาดนั้น เขามีชีวิตอยู่กับความผิดที่ตามมาหลอกหลอน และอดีตอันขมขื่น ก่อนจะจบครึ่งแรก The Ministry of Fear กลายเป็นนิยายเหนือจริง เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผลเหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่าค่อยถมทับอาเธอร์ ตั้งแต่การอัญเชิญวิญญาณ การได้พบกับชายแก่พ่อค้าหนังสือเก่า และการเข้าไปในโรงแรมเขาวงกต

พอถึงครึ่งหลัง จู่ๆ มันก็กลายเป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่ง อาเธอร์ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลบ้า เขามีชื่อใหม่ สูญเสียความทรงจำ แต่ในทางกลับกันก็ได้สิ่งอื่นมาแทน นั่นคืออิสรภาพจากบาปในอดีต อาเธอร์ค่อยๆ สืบค้นอดีตของตัวเอง ท่ามกลางเหล่าร้ายที่ยังหมายจ้องจะเอาชีวิตเขา โดยผู้อ่านรู้ (แต่ตัวเอกไม่รู้) ว่าปลายทางของการสืบค้นความลับที่ถ้าไม่รู้เลย คงจะมีความสุขยิ่งกว่า

The Ministry of Fear มีโทนการเล่าเรื่องที่กระโดดไปกระโดดมา เหมือนกรีนแถไปเรื่อยๆ แต่กลับสนุกอย่างน่าประหลาด ส่วนตัว เราเป็นคนชอบอะไรแบบนี้ ของที่ดูผิวเผินเหมือนจะมั่วซั่ว แต่ความมั่วซั่วค่อยๆ ประกอบเป็นรูปเป็นร่างอันสวยงาม ฉากหลังของนิยายคือลอนดอนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ค่อยๆ พังพินาศด้วยแรงระเบิดจากเครื่องบินรบเยอรมัน สร้างโลกอันน่าพิศวงที่เสริมกันได้ดีกับอุปสรรคและความขัดแย้งที่ตัวเอกจะต้องเผชิญ

No comments: