ความอับอายของเรา


มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอับอายมากๆ อยากหยิบมาเล่าให้ฟัง เมื่อสองสามวันก่อน เราได้ไปพบกับชาวเยอรมันซึ่งเดินทางมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อจัดงานสังสรรค์วรรณกรรม ระหว่างคุยกัน เขาก็พูดถึงนักเขียนชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง แล้วก็บอกว่า "แต่แน่นอนละว่าคุณคงรู้จักซุยเจง (ชื่อสมมุติ) ดีกว่าผม" หลังจากนั้นเขาก็พูดถึงนักเขียนเวียดนาม นักเขียนลาว หรือใครก็ตามแต่ที่เขาไปพบมาระหว่างการทัวร์นี้ ลงเอยเขาบอกว่าก่อนกลับเยอรมัน จะได้พบซุยเจงอีกรอบ เดี๋ยวเขาจะบอกว่ามาเมืองไทยแล้วได้แวะมาเจอเราด้วย

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! เราก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ อย่าว่าแต่ซุยจงซุยเจงอะไรนี่จะรู้จักเราเลย ต่อให้เป็นโคตรพ่อซุยเจง เป็นเทพอักษรแห่งสิงคโปร์ เวียดนาม ลาว อวตารลงมาเขียนหนังสือ กูก็ไม่รู้จักมันหรอก

และไม่ใช่แค่ตัวเราเท่านั้น เรากล้าเอาหัวเป็นประกันว่าคนไทยทุกคน รู้จักอะไรเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านน้อยมากๆ ไม่ว่าในเชิงวรรณกรรม สังคม ประวัติศาสตร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติ ทำไมคนเยอรมันถึงเข้าใจผิด ที่ยุโรป เขาถือว่าประเทศเขาไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ แต่เป็นยุโรปทั้งประเทศ และเป็นหน้าที่ของคนเยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน อังกฤษ ที่จะต้องรับรู้ว่าบ้านใกล้เมืองเคียงเขามี เขาเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ก็น่าคิดว่าทำไมคนไทยถึงรู้เรื่องประเทศเพื่อนบ้านน้อยเรา อันนี้เราก็มี "อคติ" ที่คาดเดามาและอยากนำเสนอ 1) คนไทยรู้ภาษาเวียดนาม พม่า เขมร หรือมลายูน้อย ถึงจะเป็นสาเหตุหลัก แต่น่าจะเป็นผลมาจากข้ออื่นๆ มากกว่า 2) คนไทยไม่สนใจจะค้าขายกับประเทศเหล่านั้น ก็เลยไม่มีใครคิดเรียนภาษา เรามองว่าเศรษฐกิจของเราดีเกือบที่สุดแล้วในแถบเอเชียอาคเนย์ 3) คนไทยไม่สนใจวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน 4) ความขัดแย้งทางข้อมูลประวัติศาสตร์ทำให้เราไม่กล้าเข้าไปสัมผัสพวกเขา (เคยอ่านอัตชีวประวัติของนายกรัฐมนตรีลาว ซึ่งพูดถึงความโหดร้ายของทหารไทยที่โยนจับเด็กทารกชาวลาวทิ้งลงแม่น้ำ)

กล่าวโดยรวมก็คือเรามองว่าตัวเองเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าในด้านวัฒนธรรมหรือเศรษฐกิจ ก็เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องไปเปิดรับพวกเขา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดในหลายๆ แง่ อย่างเรื่องเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นว่าเราต้องขายของให้คนที่ร่ำรวยกว่าเราเท่านั้น เราถึงจะดูดซับเอาความร่ำรวยของเขามาได้ ทุนนิยมคือระบบที่เปิดให้ทั้งสองฝ่ายคู่ค้าได้รับผลประโยชน์ ตัวอย่างค้าน ไม่ต้องดูที่ไหนไกล เกาหลีปีหนึ่งๆ ไม่รู้ว่าดูดรายได้จากเมืองไทยไปเท่าไหร่ (รุ่นพี่เราคนหนึ่งเขาบินไปสอนภาษาไทยถึงที่เกาหลีเลย เขาบอกว่าคนเกาหลีเรียนภาษาไทยกันเยอะมาก) ส่วนอคติเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมก็รู้ๆ กันอยู่

ถ้าดูจากแนวโน้มตอนนี้ อีกไม่กี่สิบปี ความเป็นเจ้าโลกของอเมริกาอาจสิ้นสุดลง หลายคนก็คาดเดากันว่าจะเป็นจีน เป็นอินเดียที่ขึ้นมาแทน กว่าจะถึงตอนนั้น คนไทยน่าจะทบทวนบทบาทตัวเอง ทำไมเราไม่เปิดตัวเองกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากกว่านี้

No comments: