M. Moorcock's "Behold the Man"


Behold the Man เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างจากนิยายวิทยาศาสตร์ในความหมายคนทั่วไป ถึงจะมียานย้อนเวลา แต่เทคโนโลยีตัวนั้นเป็นแค่ส่วนประกอบของบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า และน่าสนใจกว่านั้น ถ้าให้จำกัดความจะบอกว่า Behold the Man ออกแนวปรัชญาศาสนาที่มีประเด็นเรื่องการย้อนเวลาเป็นส่วนประกอบ

คาร์ลผ่านมรสุมชีวิตมากมาย ทั้งภายนอก และที่สำคัญกว่าคือภายใน ทันทีที่ชีวิตตกต่ำลงสุดขีด เขาโทรศัพท์ไปหาเพื่อนซึ่งกำลังสร้างยานย้อนเวลา เพื่อนผู้นี้หาอาสาสมัครทดลองใช้ยาน คาร์ลยื่นเงื่อนไขเป็นอาสาสมัครคนนั้น แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องเลือกวันเวลาในอดีตเอง คาร์ลตัดสินใจย้อนกลับไป A.D. 29 โดยมีเป้าหมายคือต้องการเป็นประจักษ์พยานการถูกตรึงไม้กางเขนของพระเยซู

อ่านแล้วนึกถึง The Power and the Glory คงเป็นด้วยธีมหลักของสองเล่มนี้กระมัง ซึ่งก็คือการเสียสละ ในทางคริสตศาสนาแล้ว คงจะถือว่าเป็นความดีระดับสูงสุด

จุดสำคัญของเรื่องนี้คือเหตุการณ์ใน New Testament เป็นแค่ตำนานที่คนปรุงแต่งเอง หรือว่าเกิดขึ้นจริง ถ้าเกิดขึ้นจริง เกิดในลักษณะไหน และที่สำคัญกว่านั้น จำเป็นหรือไม่ว่าพระเยซูต้องมีตัวตนจริงๆ คนรักของคาร์ล โมนิกา ไม่เชื่อเรื่องศาสนา เธอคิดว่าพระเจ้าตายไปตั้งแต่ปี 1945 (ปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง) และปัจจุบันวิทยาศาสตร์ได้มาแทนที่ทุกศรัทธา ความเชื่อ คาร์ลพยายามถกเถียงในเรื่องนี้ และเมื่อโมนิกาเดินออกจากชีวิตเขา ชายหนุ่มตัดสินใจหาข้อพิสูจน์บางอย่าง

Behold the Man ไม่ใช่นิยายที่คาดไม่ถึงขนาดนั้น ใครคุ้นเคยการ์ตูน หรือนิยายวิทยาศาสตร์มาบ้าง คงพอเดาตอนจบได้ตั้งแต่ต้น ช่วงแรกๆ ค่อนข้างน่าเบื่อด้วยซ้ำ ไม่ค่อยชอบวิธีที่มัวคอคเอาบทสนทนาโดดๆ มาใช้แสดงภาวะจิตใจตัวละคร ดูเหมือนสุ่มๆ ให้หนังสือมันหนาขึ้นมายังไงชอบกล เพิ่งมาช่วงสองนี่แหละ ที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง โดยเฉพาะพอถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ธีมหนังสือชัดเจน ลงตัวมากๆ เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ชั้นดีซึ่งอ่านแล้วชวนให้ขบคิดตั้งคำถาม

No comments: