happening vs modern dance


แฮะ แฮะ อาทิตย์ที่ผ่านมาอ่านหนังสือไม่จบเลยสักเล่ม พยายามอ่านเรื่องสั้นคนไทยเขียน ซึ่งก็ฮาๆ ดีเหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนเหมาะเอาไว้วางในห้องน้ำอ่านสนุกๆ มากกว่า ส่วนหนังสือรวมเรื่องสั้นฝรั่งอีกเล่ม ดีพอตัว แต่มันหนืดๆ ยังไงไม่ทราบ ก็เลยว่าจะดองเอาไว้สักพัก ตอนนี้กำลังอ่านรวมบทละครอยู่ คาดว่าเล่มนี้น่าจะจบในไม่ช้า ครั้นจะไม่อัพเดทบลอคเลย ก็ดูขี้เกียจไปหน่อย บังเอิญพอดีเมื่อวานไปดูงาน modern dance มา โดยคณะจากเยอรมัน ซึ่งบังเอิญมันตรงกับเรื่องที่เราอยากพูดถึงมานานแล้ว

หนึ่งในแดนซ์ที่ได้ดูเมื่อวานคือผู้หญิงมาเลียนแบบการดำน้ำ โดยผู้ชายคนหนึ่งคอยแบกเธอ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมารอบๆ เวที ส่วนตัวผู้หญิงก็ตีขา เหวี่ยงแขน งดงามชวนฝันชนิดแทบลืมแรงโน้มถ่วงไปเลย นึกถึงว่าอาทิตย์ก่อน เห็นคลิปยูทูป happening ของคนไทย มีผู้ชายมาเลียนแบบการดำน้ำโดยสวมกู๊กเกิ้ลเดินไปเดินมา ก้มศีรษะ ทำท่าเหมือนแหวกน้ำ

บอกได้คำเดียวครับว่าอาย

ระยะหลังได้ยินคำว่า happening เยอะมากในเมืองไทย จริงๆ ศัพท์คำนี้ก็มีที่มาจากประเทศอเมริกา แต่เรากลับไม่ค่อยได้ยินฝรั่งเท่าไหร่ เหมือนกับว่าพอ happening ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงรูปกึ่งเต้น กึ่งบทพูด กึ่งอะไรก็ได้ เกิดขึ้นมา ไม่นานก็ถูกเอาไปรวมกับ modern dance ซึ่งก็เป็นการเต้นที่ "อะไรก็ได้" (จริงๆ งาน modern dance ที่ชมไปเมื่อวานก็มีโชว์ซึ่งเข้าข่าย happening อยู่เยอะเหมือนกัน)

ความ "อะไรก็ได้" ของ modern dance นี่จริงๆ แล้วยากโคตรๆ คนที่จะมาทำอะไรแบบนี้ต้องแข็งแรง เคยเต้นบัลเล่ห์ แจ๊ส ฮิปฮอบ หรือแอฟริกันแดนซ์ มากพอให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ดังใจ หรือถ้าเป็นงานอิงบทสนทนา อย่างน้อยก็ต้องเข้าใจศาสตร์ ศิลป์การเขียน และแสดงละคร ถึงจะ "อะไรก็ได้" แต่ไม่ใช่ "ใครก็ได้" จะทำแล้วดูงาม

รู้สึกว่าคนไทยชอบคำว่า happening เพราะมันสื่อถึง "อะไรก็ได้" และ "ใครก็ได้" เรารู้สึกว่าเป็นค่านิยมที่ผิด ชนิดว่าอยากดำน้ำ ก็เอาแว่นมาสวม แล้วแหวกๆ ว่ายๆ หรือเคยดูคนพยายามเลียนแบบนก ก็เข้าทำนองเดียวกัน ที่น่าอายมากๆ คือแค่ให้นักแสดงไม่พูดอะไรบนเวที แล้วเรียกมันว่า "ละครใบ้" จริงๆ ไอ้เรื่องการแสดงท่าทางต้านแรงโน้มถ่วงก็เป็นเทคนิคที่นัก modern dance ถ่ายทอดกันมายาวนาน รวมไปถึง mime หรือละครใบ้ด้วย ถ้าขี้เกียจศึกษา ขี้เกียจฝึกซ้อม อย่าทำเลยดีกว่า

ไม่อย่างนั้น happening ของพี่ไทยก็ได้แค่ "ทำท่าทำทาง" แต่ไม่ถึงขั้น "การเต้น" ซึ่งเป็นงานศิลปะหรอก

No comments: