P. Coelho's "The Valkyries"


ใน "The Valkyries" โคเฮลโลกระทำเรื่องผิดพลาดขนานใหญ่ ตอนจบของหนังสือ แกเขียนทิ้งท้ายไว้ว่า ทุกเรื่องราวซึ่งเราเพิ่งอ่านผ่านสายตาไปนั้นเป็นเหตุการณ์จริงแทบทั้งหมด โดยมีโคเฮลโล และภรรยาเล่นเป็นตัวเอกในหนังสือ เข้าใจว่า "The Valkyries" คงเป็นนิยายที่มีความหมายกับผู้เขียนมาก เพราะเป็นการตีแผ่ตัวตน รวมไปถึงปัญหาในชีวิตแต่งงาน กระนั้นสำหรับคนอ่าน บอกได้คำเดียวเลยว่า "ใครสนใจ(วะ)"

นักเขียนทั้งหลายพึงจำไว้ การเอาประสบการณ์ตรงของตัวเองมาแต่งเป็นนิยาย โดยไม่ดัดแปลงอะไรเลย คือการฆ่าตัวตายทางวรรณศิลป์ชัดๆ เพราะไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะวิเศษขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็มีความหมายแค่เฉพาะกับเราคนเดียว ถ้าอยากสื่อหัวใจของประสบการณ์นั้นผ่านตัวอักษร ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะผสมลูกเล่นทางวรรณกรรมเข้าไปด้วย

"The Valkyries" คือเรื่องของโคเฮลโล และภรรยา เดินทางเข้าไปในทะเลทรายเพื่อพบกับวัลไครี เทพสงครามในตำนานไวกิ้ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียนรู้วิธีสนทนากับเทวดา วัลโครีในที่นี้คือผู้หญิงบ้าศาสนา ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเยี่ยมเยียนเมืองต่างๆ เพื่อสอนสั่งผู้คนให้บูชาความรัก ผู้เขียนเล่าว่าตัวเองศึกษา "วิธีแห่งเวทมนต์" มาจากชายชื่อ J. (เป็นคนที่เขาอุทิศนิยาย "The Alchemist" ให้) โดยตัวเขามีความสนใจในอำนาจเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่แรก ซึ่งที่สุดแห่งความสนใจนั้นลงเอยที่การตามหาเทวดา

ฟังเรื่องย่อแค่นี้ก็เป็นปัญหาแล้ว โคเฮลโลเล่าสิ่งเหล่านี้ให้คนอ่านฟัง โดยไม่ตระหนักแม้แต่น้อยว่าเราจะอ่านไป ยักคิ้วไป สงสัยไปว่า "หมอนี่แกล้งเพี้ยน หรือเพี้ยนจริง" นิยายที่เกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติไม่ใช่สิ่งผิด อย่างแก่นของ "The Alchemist" ก็เป็นเรื่องของการตามหาชะตากรรมตัวเอง เพียงแต่ "The Alchemist" ถูกเล่าผ่านจริตความเป็นนิทาน ดังนั้นถึงจะมีเหตุการณ์พิสดาร หรือประเด็นทางเทววิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องก็ดูไม่ขัดเขินมาก

ไม่ได้หมายความเรื่องพรรณนี้ต้องเล่าให้เป็นนิทานเท่านั้น แต่อย่างน้อยโคเฮลโลก็ควรจะบอกกล่าวให้คนอ่านฟัง ทำให้เราเข้าใจภารกิจนี้ แกคงหมกมุ่นกับประสบการณ์ตรงมากเกินไป จนลืมไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อเรื่องเทวดา พระเจ้า จิตวิญญาณ และเวทมนต์ เราคนหนึ่งพร้อมจะเชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่อย่างน้อยเราอยากถูกทำให้เชื่อ ไม่ใช่คนเขียนจะมานั่งทึกทักเอาตั้งแต่แรกว่าคนอ่านจะต้องคิดเหมือนแกไปหมด

ตอนที่โคเฮลโล และภรรยา เดินทางเข้าไปในทะเลทรายเพื่อตามหาวัลไครี แกไม่ได้ทิ้งโลกศิวิไลซ์ไว้เบื้องหลังเท่านั้น แม้แต่คนอ่านอย่างเราก็ถูกทิ้งเอาไว้ด้วย ในฐานะเรื่องเล่าประสบการณ์ นี่อาจจะเป็นหนังสือที่คุณค่า แต่ในฐานะนิยาย นี่คือความล้มเหลว

No comments: