G. Greene's "The Comedians"


อยากรู้จังว่าศาสนาประเภทไหนกันที่ให้กำเนิดเทพเจ้าอย่าง "บารอนซาเมดิ" ขึ้นมา เทพก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ใส่สูท ถือไม้เท้า และสวมหมวกทรงสูง (นี่มันผู้นำแฟชั่นกอธชัดๆ !) เราเคยเรียนเรื่องศาสนาวูดู ถ้าจำไม่ผิด บารอนซาเมดิเป็นเทพเจ้าแห่ง "คนตาย" และ "ขอทาน" ซึ่งจะแตกต่างจากเทพวูดูตนอื่นตรงที่ไม่สามารถ "อยู่กิน" กับร่างทรงได้ (ศาสนาวูดูจะสัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับการทรงเจ้า) เข้าใจว่าวัฒนธรรมซอมบี้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเทพตนนี้

บารอนซาเมดิยังเป็นสัญลักษณ์ของ "ปาปาดอก" หนึ่งในผู้นำของเฮติที่ทรงอิทธิพล ชั่วร้าย และเป็นเผด็จการที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยประสบพบมา ปาปาดอกจะมีลิ่วล้อคือ "ตอนตอน มาคูส" แปลว่า "ปีศาจ" ในภาษาท้องถิ่น คล้ายๆ กับเกสตาโปของฮิตเลอร์ มีหน้าที่คอยเกะกะระราน และสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน

The Comedians ว่าด้วยเรื่องของนายบราวน์ เจ้าของโรงแรมชาวโมนาโกที่มาตั้งรกรากอยู่ในเฮติ สมัยที่ปาปาดอกกำลังเรืองอำนาจ นอกจากโจนส์ ยังมีตัวละครสำคัญอีกสองตัวคือบราวน์และสมิธ สมิธเป็นอดีตผู้แข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเฮติเพื่อก่อตั้งศูนย์มังสวิรัติ ส่วนโจนส์เป็นนักต้มตุ๋น เช่นเดียวกับนิยายหลายเล่มของกรีน เนื้อเรื่องวนเวียนอยู่กับเรื่องการสืบสวน ปลอมตัว หักหลัง และรักสามเส้า

ถ้าเทียบกับเล่มอื่นแล้ว The Comedians เหมือนจะยาวกว่า ด้วยเหตุนี้กระมัง เราเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยรัดกุมเท่าไหร่ ตัวละครอย่างสมิธจะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ ความสำคัญก็อยู่แค่บราวน์ และการต้มตุ๋นของโจนส์ นี่อาจจะเป็นนิยายเล่มแรกของกรีนที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่ามัน "ยืดยาด"

แต่ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราค่อนข้างผูกพันกับตัวเอกของ The Comedians บราวน์เป็นผู้ชายที่ไม่มีประวัติศาสตร์ ไม่เชื่อถือในอะไรทั้งสิ้น และก็รักใครไม่เป็น แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกผูกพันอย่างประหลาด กับประเทศที่แสนอันตรายแห่งนี้ เป็นตัวละครที่อยู่ตรงกลางพอดีระหว่างสมิธและโจนส์ ประเด็นของเรื่องที่กรีนพยายามจะสื่อคือมนุษย์เราต้องมีศรัทธาในอะไรสักอย่าง ขนาดพร้อมที่จะตายเพื่อมันได้ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะดูโง่เง่า ไร้สาระในสายตาคนอื่นแค่ไหน สมิธ ที่เป็นเหมือนตัวตลกมาตั้งแต่ต้นเรื่อง กลับกลายเป็น "วีรบุรุษ" ขณะที่โจนส์เหมือนจะพบแสงสว่างในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ส่วนบราวน์ เช่นเดียวกับคนอ่าน ยังคงต้องค้นหาความหมายของชีวิตตัวเองต่อไป

No comments: