ทำไมเราถึงไม่อ่าน SuperFreakonomics


ต้องอธิบายกันก่อน เพราะเหมือนคราวที่แล้วพูดไว้ไม่ค่อยละเอียด Freakonomics เป็นหนังสือเศรษฐศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป เลวิทและดับเนอร์เจาะปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วยกลวิธีทางเศรษฐศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่า “ภูมิปัญญา” ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป SuperFreaknomics คือ “ภาคต่อ” ของเล่มที่แล้ว เป็นหนังสือที่เราจะไม่อ่านทั้งเล่มและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่อ่านอะไรอีกแล้วที่เลวิทและดับเนอร์เขียนไปตลอดกาล!

ก็เข้าใจละนะว่าสำหรับนักเศรษฐศาสตร์ที่ต้องการสวนกระแส ไม่ช้าก็เร็วคงหนีไม่พ้นที่จะพูดถึงปรากฏการณ์โลกร้อน ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่าอ่านบทนี้จะต้องโกรธแน่ๆ แต่ก็รับไม่ได้จริงๆ กับ What Al Gore and Pinatubo have in Common นี่คืองานเขียนที่ไม่ได้มาตรฐานทางวิชาการ เต็มไปด้วยการบิดเบือนความจริงเพื่อสวนกระแสมากกว่าจะพิจารณาปัญหาด้วยเหตุและผล ซึ่งน่าเสียดาย เพราะลึกๆ แล้วเราเห็นคุณค่าบางอย่างในบทความนี้

น่าสังเกตว่าพวกที่ไม่เชื่อในปรากฎการณ์โลกร้อน (Global Warming Contrarian) มักจะไม่ได้ไม่เชื่อจริงๆ จังๆ แต่ยอมรับไม่ได้มากกว่าที่ “ฝ่ายตรงข้าม” ลุกขึ้นมาพูดหรือเสนอวิธีแก้ปัญหานี้ก่อนตัวเอง ตั้งแต่กลุ่ม Objectivist ที่เราไปฟังสัมนามาจนถึง SuperFreakonomics สิ่งที่เหมือนกันคือคนเหล่านี้จะเริ่มจาก (1) ปฏิเสธว่าปรากฎการณ์โลกร้อนไม่ได้เกิดขึ้นจริง จากนั้นก็พูดต่อไปว่า (2) แต่ถ้ามันมีจริงเรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่าที่นักอนุรักษ์ พรรคเดโมแครต หรืออัลกอร์เสนออยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็ชวนให้สงสัยยิ่งนักว่า ในเมื่อพวกเขาไม่เชื่อในปรากฏการณ์โลกร้อนตั้งแต่แรก ทำไมถึงต้องเสนอวิธีแก้ปัญหาด้วย

จริงๆ พฤติกรรมสองมาตรฐานแบบนี้อธิบายได้ไม่ยาก สาเหตุก็ด้วยเหตุผลทางการเมือง พรรครีพับลิกัน กลุ่ม Objectivist หรือนักเศรษฐศาสตร์หัวเอียงขวาจัดอย่างไรเสียก็ยอมรับไม่ได้ว่า “ฝ่ายตรงข้าม” ถูก แม้ว่าลึกๆ จะจนด้วยเหตุผลเพียงใดก็ตาม ขณะเดียวกันปัญหาโลกร้อนก็เป็นปัญหาที่ ในทางสุดโต่งแล้ว มีผลกระทบรุนแรงจนไม่มีใครอยากถูกพิสูจน์ว่าตัวเองผิดเข้าสักวันหนึ่ง แม้แต่เลวิทและดับเนอร์ที่อ้างมาตลอดว่าใช้เหตุและผลเพื่อต่อสู้กับ “ภูมิปัญญา” สุดท้ายก็ยังตกอยู่ในกับดักที่ว่า

ขอพูดถึงประเด็น (1) ก่อนก็แล้วกัน สำหรับคนที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ต้องอธิบายก่อนว่าในแวดวงวิชาการนั้นไม่ได้มีนักวิทยาศาสตร์คนเดียว ศึกษาปัญหาข้อเดียว ด้วยกลวิธีและแบบจำลองเดียว และเอาผลการทดลองเดี่ยวๆ นั้นมาเสนอต่อหน้าสาธารณชน แม้ธรรมชาติจะมีคำตอบเดียว แต่แวดวงวิชาการก็เหมือนสังคมไหนๆ ของมนุษย์ เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิดและพื้นฐานหลากหลาย พวกเราวิจัยปัญหาหนึ่งๆ ด้วยกลวิธีที่แตกต่างกันและในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ปรากฎการณ์โลกร้อนนั้นเกิดขึ้นจริง โดยมีปัจจัยหลักคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์

แต่ไม่ได้หมายความว่าผลการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ทุกคนจะต้องออกมาตรงกัน ข้อความที่ปฏิเสธประโยคซึ่งเน้นตัวหนาข้างบนเหมือนบอกว่า “บุหรี่ไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง” ซึ่งแน่นอนว่าจากห้องทดลองทางการแพทย์ร้อยพันหมื่นแห่งทั่วโลก มันจะต้องมีสักห้องหนึ่งสิน่าที่ให้ผลตรงข้ามกับข้อสรุปตรงนี้


สิ่งที่เลวิทและดับเนอร์พยายามทำ ซึ่งเป็น “ความไร้มาตรฐานทางวิชาการ” คือการมองความจริงแบบแยกย่อย โดยเพิกเฉยกับภาพรวม ทั้งคู่มุ่งประเด็นไปที่นักวิทยาศาสตร์ไม่กี่คนซึ่งมีความเห็นขัดแย้งกับกระแสหลัก ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งคู่ยังจับเอาคำพูดแค่ไม่กี่คำจากบริบทใหญ่เพื่อนำมาใช้เสริมสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ศาสตราจารย์คาลไดราหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งคู่สัมภาษณ์ถึงกับออกมากล่าวในภายหลังว่า “คุณนั่งคุยใครทั้งวัน พูดอะไรต่อมิอะไรออกไปมากมาย มันก็ต้องมีบ้างแหละ บางคำพูดที่พอแยกออกมาจากบริบทแล้ว ฟังดูตรงข้ามกับสิ่งที่คุณเชื่อ” (คาลไดราสารภาพว่าไม่ได้อ่านต้นฉบับ SuperFreaknomics อย่างละเอียดก่อนตีพิมพ์ เขารู้สึกว่าภาพตัวเขาที่ถูกนำเสนอในหนังสือเล่มนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเป็นหรือเชื่อจริงๆ )

ว่ากันตรงๆ ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนหรอกที่เห็นตรงกันเปี๊ยบกับข้อสรุปส่วนใหญ่ เหมือนกับบอกว่า “โดยเฉลี่ยแล้วนักเรียนทั้งห้องสูง 150 เซนติเมตร” แต่กลับไม่มีนักเรียนคนไหนเลยในห้องที่สูง 150 เซนติเมตรพอดี อย่างนี้แสดงว่าข้อความในอัญประกาศเป็นเท็จอย่างนั้นหรือ นี่คือ “ความไร้มาตรฐานทางวิชาการ” ที่น่าละอายคือมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ กับวิชาเศรษฐศาสตร์ แต่เลวิทและดับเนอร์กลับมากระทำบาปตัวนี้เสียเอง

น่าเสียดายเพราะประเด็น (2) ซึ่งทั้งคู่หยิบยกมาก็น่าใคร่ครวญอยู่ไม่น้อย วิธีแก้โลกร้อนไม่ใช่ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค (ซึ่งในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ ทั้งคู่บอกว่ามัน “เป็นไปไม่ได้”) แต่ด้วยกระบวนการ Geo-engineering หรือการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศโดยตรง เช่นการฉีดสารที่ไม่เป็นอันตรายเข้าไปในชั้นบรรยากาศเพื่อเป็นร่มกันรังสีจากดวงอาทิตย์ ข้อถกเถียงที่ทั้งคู่ยกมาก็คือ “หากว่าปัญหาโลกร้อนรุนแรงถึงขนาดที่อัลกอร์หรือนักอนุรักษ์อ้างเอ่ยจริง คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะมาลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทางแก้ไขเดียวก็คือ Geo-engineering เท่านั้น” Geo-engineering จัดว่าเป็นประเด็นร้อนประเด็นหนึ่งเลยในหมู่นักอุตุนิยมวิทยา แม้แต่ใน ICCP เอง (คณะนักอุตุนิยมวิทยาที่ได้รางวัลโนเบลร่วมกับอัลกอร์) ก็ยังมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนตัวแล้วเราอยู่ตรงกลางแต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้

(1) เราต้องยอมรับกันก่อนว่าปรากฏการณ์โลกร้อนมีจริง

(2) เราต้องยอมรับข้อมูลและการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ปรากฏการณ์โลกร้อน (มิเช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรที่จะให้คนกลุ่มเดียวกันนี้มาศึกษา Geo-engineering กระบวนการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนยิ่งกว่า Global Warming หลายเท่า)

ซึ่งเลวิทและดับเนอร์ล้มเหลวในสองข้อนี้

เรารู้ได้ว่าใครคนหนึ่งผิดจริง ไม่จริงก็เวลาฟังเขาแก้ตัว ดับเนอร์ออกมาโต้ตอบกับหลายคนที่ชี้จุดผิดพลาดใน What Al Gore and Pinatubo have in Common ซึ่งวิธีการโต้ตอบของดับเนอร์ก็คืออ้างว่าเขาไม่เคยนำเสนอ (1) ประเด็นหลักของ What Al Gore and Pinatubo have in Common มีแค่ (2) เท่านั้น ใครที่ได้อ่านบทความใน SuperFreakonomics น่าจะลงความเห็นเหมือนกันหมดว่าคำแก้ตัวนี้ฟังไม่ขึ้น

สำหรับผู้สนใจ

- หาอ่านคำแก้ตัวของดับเนอร์ได้ที่ "ลิงค์นี้"

- ตัวอย่างบทความโต้ตอบ What Al Gore and Pinatubo have in Common ไปที่ "ลิงค์นี้"

- สำหรับคนที่สนใจว่าดับเนอร์และเลวิทปฏิเสธปรากฏการณ์โลกร้อนด้วยวิธีไหนบ้าง หาอ่านได้ที่ "ลิงค์นี้" ซึ่งมีคำโต้ตอบประกอบมาด้วย

3 comments:

Finianrainbow said...

เราคิดเอาเองนะว่าเขาไม่ได้โต้ตอบกับ Gore,ข้อมูลที่ว่าโลกร้อน หรือ whoever หรอก แต่เขาโต้ตอบกับการคงอัตตาของตัวเองเอาไว้ให้ได้ซะมากกว่า เราอ่าน freakconomic แต่ก็ไม่ได้อ่าน SuperF. เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าทำไมต้องมี Superative degree version ด้วย...ก็เท่านั้น ถึงจะเราชอบ Gore เป็นส่วนตัว เพราะความมี Integrity ของเขา แต่ก็พร้อมจะเป็นกลางในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเขาเช่นกัน

ขอบคุณสำหรับการ post บทความดีๆของคุณ เราเริ่มติดงอมแงมแล้ว...ทำไงดี
Finianrainbow

sosloughth said...

k3l47t2e50 i1s44f2r57 v7k20z9f79 x3m58d9k25 a4e17a4k27 p3f03i3b00

Anonymous said...

goyard outlet
goyard outlet
cheap jordans
travis scott jordan
Jordan Travis Scott
cheap golden goose sneakers
supreme clothing