
ออกตัวก่อนว่าเราไม่ชอบโชเปนฮาวเวอร์ ในโลกแห่งนักปรัชญาตะวันตก (โดยเฉพาะสาย "แข็ง" อย่างในเยอรมัน) โชเปนฮาวเวอร์ดูเป็นสีสันที่พิสดารไม่เหมือนใครดี แกมีอะไรบางอย่างคล้ายคลึงกับพวก "ปัญญาชนสยาม" มากกว่า "นักปรัชญา" กล่าวคือ ดูไม่ใช่คนที่ลึกซึ้งหรือแม่นยำในทฤษฎีอะไร แกแค่ "เฉลียวฉลาด" ในที่นี้คือ มีความชัดเจนในสาระ เรื่องราวที่ตนสนใจ (และคนประเภทนี้ก็มักจะสนใจไปเสียทุกเรื่อง) และสามารถถ่ายทอดความคิดของตัวเองผ่านข้อเขียนได้อย่างตรงประเด็น
โชเปนฮาวเวอร์รังเกียจ และไม่สามารถรับมือกับความคลุมเครือได้ทุกประเภท ดังนั้นในความเชื่อของแก "วรรณกรรม" (ในที่นี้หมายรวมงานเขียนทุกประเภท) คือการสื่อสารทางตรงระหว่างผู้เขียนและผู้อ่าน ความคิดอะไรที่บังเกิดแก่ผู้เขียนระหว่างเขียนข้อความใดๆ ต้องชัดเจน หนึ่ง สอง สาม สี่ และเมื่อผู้อ่านมาอ่านข้อความเดียวกัน ก็ต้องเกิด หนึ่ง สอง สาม สี่ แบบเดียวกันเป๊ะ (เปล่าดายแล้วกระมัง ที่จะบอกว่าความเชื่อแบบนี้ "ล้าหลัง" แค่ไหน)
ที่น่าสนใจคือใครที่มาสายนี้ ก็มักจะลงเอยในชุดความคิดแบบคล้ายๆ กัน เช่น ปฏิเสธการอ่านหนังสือ (โชเปนฮาวเวอร์เป็น "ปัญญาชนตะวันตก" คนแรก -- และอาจจะเป็นคนเดียวเลยด้วยซ้ำ -- ที่เหยียดหยามการอ่าน) ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ และความเป็นต้นตำรับ ดั้งเดิม (original)
เราสนุกกับการอ่าน The Art of Literature ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแก แต่ก็ต้องยอมรับว่าโชเปนฮาวเวอร์เป็นนักเขียน "เรียงความ" ที่น่าอ่านที่สุดคนหนึ่ง บางความคิดของแก ถูกหรือผิดไม่รู้ แต่ก็น่าเก็บมาขบเคี้ยวต่อ เช่น โชเปนฮาวเวอร์บอกว่า แวดวงวรรณกรรมจะพัฒนาหรือไม่ สำคัญที่สุดคือ หนังสือ และนักเขียนห่วยๆ ต้องถูกก่นด่า ประณาม แกให้ความสำคัญกับการต่อต้านหนังสือที่ไม่ดี มากกว่าการยกย่องหนังสือที่ดีอีก โดยจะย้ำ (แบบจับน้ำเสียงขมขื่นได้) ว่าเราต้องไม่ปล่อยให้พวกตัวปลอมทั้งหลายมีชื่อเสียงขึ้นมา
ส่วน "พวกตัวปลอมทั้งหลาย" นี่มีใครบ้างเหรอคุณ หนึ่งในนั้นคือเฮเกล!
1 comment:
เคยได้ยินชื่อของโชเปนฮาวเวอร์ตอนที่เรียนวิชาปรัชญา
อาจารย์เล่าให้ฟังว่า เฮเกล กับ โชเปนฮาวเวอร์ เป็นสองยอดนักปรัชญาในยุคสมัยเดียวกัน แต่จำนวนผู้เข้าฟังการบรรยายของพวกเขากลับต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
เพราะเฮเกลสอนว่าทุกอย่างอธิบายได้ด้วยเหตุและผล ขณะที่โชเปนฮาวเวอร์กลับบอกว่า Life is suffering.
Post a Comment