รักชวนหัวอยากเป็นกรรมการซีไรต์บ้างอะไรบ้าง (51~...)

51. สุนทรียะของผู้เขียนไม่ค่อยเหมาะกับเรื่องสั้นเท่าไหร่ บทสนทนาเยอะ ตัวละครเยอะดี แต่ในพื้นที่จำกัด กลับไม่สามารถหลงเหลืออะไรให้คนอ่านจดจำได้เลยสักอย่าง ในทางกลับกัน ถ้าเทคนิคแบบนี้ถูกปรับมาใช้กับนิยาย น่าจะกลายเป็นผลงานที่น่าจับตามองเล่มหนึ่งเลย คนเขียนมีศักยภาพ แต่น่าจะลองเอาศักยภาพของตัวเองไปปรับใช้กับงานด้านอื่น...

52. ...ซึ่งตรงข้ามกับเล่มนี้ เรื่องโปรยปกดีมาก แต่เรื่องอื่นๆ เหมือนพยายามผลิตซ้ำความสำเร็จของตัวเอง รูปแบบของคนเขียนค่อนข้างแคบและชัดเจน เลยไม่สามารถปรับเป็นเรื่องสั้นที่หลากหลาย สุดท้ายทั้งเล่มจึงออกมาซ้ำซาก คนเขียนต้องพยายามเพิ่มศักยภาพ ด้วยการทะลวงออกจากความเคยชิน และผลิตผลงานในรูปแบบใหม่ๆ ดูบ้าง

53. อ่านรวมเรื่องสั้นมาห้าสิบกว่าเล่มแล้ว สังเกตว่าเรามักนิยมชมชอบหนังสือที่เขียนโดย "นัก(อยาก)เขียน" มากกว่านักเขียน คนที่ไม่มีจริตจะก้านทางวรรณกรรม ไม่ได้อยากสร้างสรรค์ผลงาน เพียงแค่ต้องการถ่ายทอดชีวิต อาชีพการงานของตัวเอง เล่มนี้เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะคนเขียนใส่หมวกสองใบ ใบหนึ่งคือหมวกนักเขียน ซึ่งพูดตามตรงเลยว่าฝีมือยังไม่เข้าขั้น แต่เมื่อถอดหมวกใบนั้นออก แม้ผลงานที่ได้จะยังขาดคุณค่าทางศิลปะ แต่มันกลับมีคุณค่าความเป็นมนุษย์บางอย่าง

54. อีกเล่มที่ถูกจริตเรามากๆ ชอบทัศนคติของผู้เขียน ตัวละครดูเป็นมนุษย์เต็มๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกอันเว้าแหว่ง และสิ่งเดียวที่พวกเราทำได้คือค้นหาต่อไปเรื่อยๆ อ่อนน้อมถ่อมตนในการดำรงชีวิต (ที่สุดความอ่อนน้อมอาจจะสำคัญยิ่งกว่าสติปัญญาหรือความห้าวหาญ) และขาดไม่ได้คือหัดตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลา สไตล์เรื่องกึ่งแฟนตาซี กึ่งสัญญะ ทำออกมาได้อย่างลงตัวในความมั่วซั่ว ถ้าจะติดขัดหน่อยคือสองสามเรื่องที่ฉุดค่าเฉลี่ยคุณภาพของทั้งเล่มให้ต่ำลงไปบ้าง

55. ก่อนจะถอดหมวกนักวิจารณ์ ขอพรมยาหอมว่า ในฐานะงานวรรณกรรม หนังสือเล่มนี้สอบผ่าน เรื่องโปรยปกดีทีเดียว อ่านสนุกในวิวาทะที่ไม่พยายามยัดเยียดถูกผิด ดีเลวจนเกินงาม...แต่พอเอาหมวกนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมาสวมแทน เรารับความคิดระหว่างบรรทัดในเล่มไม่ได้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองทั่วโลกต่างร่วมมือกันเพื่อหาหนทางนำพลังงานทดแทนมาใช้แก้ปัญญาภาวะโลกร้อน คุณเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะต้องการบอกอะไรคนอ่านกันแน่ หา!!!

56. ในแง่หนึ่ง เราให้คะแนนพิศวาสผู้เขียน ในฐานะที่สร้างสรรค์สุนทรียะใหม่ๆ ไม่ซ้ำรอยเรื่องสั้นในรูปแบบเดิม แต่ในอีกทางหนึ่ง เราคงต้องหักคะแนนพิศวาสตรงนี้ออก โทษฐานที่สุนทรียะตัวนี้ให้กำเนิดเรื่องสั้นที่อ่านแล้วเหมือนดูละครช่องเจ็ด "รูปแบบ" ดีแต่ "เนื้อหา" อ่อนไปอย่างน่าเสียดาย บางเรื่อง ก็เห็นได้ชัดว่า ถูลู่ถูกังเร่งเขียนออกมา

57. นับว่ารวมเรื่องสั้นเพื่อชีวิตเล่มนี้ ประสบความสำเร็จล้นหลาม ถ้าเป้าหมายของคนเขียนคือ ต้องการให้ผู้อ่านสมเพชแกนสมน้ำหน้า (ไม่ใช่สงสาร) ความลำบาก ย่อยยับอัปราชัยในชะตาชีวิตของตัวละครแล้ว

58. ส่วนตัวแล้ว เราไม่ได้ชื่นชมเล่มนี้เท่าไหร่ แต่อยากปรบมือให้คนเขียนที่สามารถเขียนหนังสือได้อย่างมีศักดิ์ศรี เพียงแค่ตั้งคำถาม แทนที่จะครอบงำคนอ่านด้วยอคติส่วนตัว ก็ทำให้รวมเรื่องสั้นเล่มนี้เลอค่ากว่าวรรณกรรมอีกนับร้อยที่ไหลบ่าท่วมทับร้านหนังสือแล้ว กระนั้น คนเขียนเหมือนจะเร่งมือมากไปหน่อย งานหลายชิ้นเลยไม่ค่อยลงตัว กลายเป็นจุดอ่อนอย่างน่าเสียดาย

59. เป็นเล่มที่ตั้งความหวังไว้สูงมาก ก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะผิดหวัง เรายังชอบมันอยู่ แต่ถ้าคนเขียนเรียกมันว่า "นิยาย" นี่จะเป็นนิยายที่เลอเลิศมากๆ ความเบาบางของเส้นเรื่องที่เรียงร้อยแต่ละบทเข้าหากันช่างมีเสน่ห์ แต่เพราะมันเป็น "รวมเรื่องสั้น" มันจึงหลีกเลี่ยงที่จะถูกตัดสินแต่ละเรื่อง แต่ละบทไปไม่ได้ แม้จะไม่มีเรื่องไหนสอบตก แต่อาการสอบผ่านแบบคาบเส้นในบางเรื่อง บวกกับไม่มีเรื่องไหนที่ผ่านฉลุยจริงๆ ทำให้มันเสียคะแนนในฐานะ "รวมเรื่องสั้น" ไป

2 comments:

Anonymous said...

สนใจอยากให้ช่วยวิจารณ์เรื่องสั้นครับ
kenshiro843@gmail.com

laughable-loves said...

ส่งมาที่นี่เลยครับ

laughable-loves@hotmail.com