J. Haldeman's "Old Twentieth"


เอารูปเป็ดมาให้ดู เพราะนี่คือสิ่งที่ได้จากการอ่าน Old Twentieth นิยายวิทยาศาสตร์ว่าด้วยมนุษย์โลกอนาคตที่มีสภาพกึ่งอมตะ และคอมพิวเตอร์เจ้าปัญญาซึ่งสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับการตายของมนุษย์ ก็เลยลองฆ่าทิ้งทีละคน หลังจากศพแรกปรากฏในหนังสือ พระเอกของเราทำอะไรต่อ บรูเวอร์ซึ่งนอกจากจะเป็นนักวิศวกรคอมพิวเตอร์ ยังมีงานอดิเรกคืออาชีพพ่อครัว เขาออกไปล่าเป็ดเพื่อเอามาปรุงเมนูใหม่ โลกอนาคตนี้ไฮเทคมากๆ ชนิดที่ถ้าส่งตัวอย่างเนื้อเป็ดให้คอมพิวเตอร์ มันจะสามารถวิเคราะห์โครงสร้างโปรตีนและไขมัน สร้างเนื้อเป็ดจำลองในกล่องสี่เหลี่ยมส่งมาให้พ่อครัวได้ทันที (แต่ไม่ยักมีข้อมูลเกี่ยวกับเป็ดให้มาตั้งแต่แรก)

โอเค fascinating มากๆ แล้วไอ้ศพนั่นล่ะ จะทำยังไงกับมัน

เราว่า หนังสือเล่มหนึ่งล้มเหลวแล้ว ถ้าอ่านไปเกินครึ่งเล่มแล้วยังรู้อะไรเกี่ยวกับมันน้อยกว่าเรื่องย่อบนปกหลังอีก

ไม่ใช่ว่าไม่น่าสนใจ บรูเวอร์ตั้งคำถามชวนคิดว่าถ้านักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการสร้างยาที่ทำให้มนุษย์อยู่ในสภาพกึ่งอมตะ ร่ายกายซ่อมแซมตัวเองอัตโนมัติ (“กึ่ง" เพราะตายได้เหมือนกันถ้าตายหนักเกินไป เช่น ถูกมัดแล้วจับเผาทั้งร่างอะไรแบบนี้) จะเกิดอะไรขึ้น บรูเวอร์เล่าประวัติศาสตร์โลก ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ n ซึ่งเกิดขึ้นเพราะการแย่งชิงยาอมตะตัวนี้ และจบลงด้วยสุดยอดโรคระบาดที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั้งโลกยกเว้นคนที่กินยาอมตะเข้าไปแล้ว fascinating fascinating แล้วไงต่อ หลายศตวรรษผ่านไป พระเอกของเรื่องรอดชีวิตจากสงคราม (และเป็นอมตะ) กลายเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ควบคุม "เครื่องย้อนเวลา" ซึ่งไม่ได้ย้อนจริงๆ แต่เป็นเครื่อง virtual reality ที่ช่วยให้คนในโลกอนาคตย้อนกลับไปสัมผัสประสบการณ์ในอดีต และ "ตาย" ในอดีตเพื่อจะได้เข้าใจความหมายของคำว่าชีวิต fascinating fascinating แล้วไงต่อ แล้วก็มี AI ที่คิด ตัดสินใจได้เอง เริ่มสนใจความหมายของคำว่ามนุษย์ ต่อๆ แล้วก็มีดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ห่างไปหลายพันปีและมีสภาพเหมือนโลกทุกอย่าง พระเอกและลูกเรือแปดร้อยคนจึงเดินทางไปสำรวจดาวดังกล่าว พร้อมกับเครื่องย้อนเวลา

fascinating fascinating แล้วทำไมกรูต้องมานั่งอ่านพวกมันวิ่งไล่เป็ดกันด้วย

Old Twentieth คือตัวอย่างว่าหนังสือไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยไอเดีย การเขียน การเล่าเรื่อง การใช้ภาษามีหลักการบางอย่าง ถ้าไม่เข้าใจสิ่งนั้น ต่อให้ความคิด fascinating แค่ไหน หนังสือสั้นๆ กว่าจะอ่านจนจบเล่มได้ก็ทรมานอย่างน่าเหลือเชื่อ

No comments: