รักชวนหัวอยากเป็นกรรมการซีไรต์บ้างอะไรบ้าง (11~20)

11. ว้าว ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ! สารภาพว่าแรกสุดไม่ได้คาดหวังอะไรนักกับรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ พออ่านจบแล้วก็อดชื่นชมผู้เขียนไม่ได้ มันไม่ได้หมกมุ่นกับตัวตนจนน่าหมั่นไส้ ไม่ได้พยายามซึนๆ มุราคามิ เพื่อชีวิต หรือสะท้อนสังคม มันจึงโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ของตัวเองได้อย่างอิสระ เป็นเรื่องสั้นไม่กี่เรื่องที่เราเดาทิศทางเรื่องไม่ออก แน่นอนว่าถ้าพูดถึงสาระ อาจจะเบาโหวงจนเกือบไม่มี แต่ถ้าสนุกขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรให้บ่นแล้ว

12. ว่ากันว่าซามูไรที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน แม้ไม่ต้องพกปืนผาหน้าไม้ เดินเข้าดงคนพาล ก็สามารถแผ่รังสีอำมหิตให้เป็นที่ยำเกรงของหลายคน ในทางตรงกันข้าม หนุ่มเจ้าสำอางไปเดินเกรียนๆ อยู่ในตรอกในซอย อาจถูกฟันหัวแบะได้ง่ายๆ ...ผู้เขียนคงอยากให้เราเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้เป็นซามูไรเมพมากกว่าหนุ่มซึน แต่อาจด้วยความอ่อนด้อยของตัวผู้อ่านเอง เราพยายามมองยังไง ก็ไม่เห็นอะไรอยู่เบื้องหลังความไม่มีอะไรนอกจากความไม่มีอะไรของมัน

13. นี่ไม่ใช่เรื่องสั้น ไม่เกี่ยวว่ามันดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ แปลกที่คนเขียนและสำนักพิมพ์เลือกจะนำเสนอมันในรูปแบบของเรื่องสั้น ทั้งที่จริงๆ ข้อเขียนกึ่งปกิณกะ กึ่งท่องเที่ยวแบบนี้น่าจะหาตลาดได้กว้างกว่า โดยตัวเรื่องล้วนๆ เราอ่านมันได้เพลิดเพลิน แต่แมวที่สวยขนาดไหน ก็ไม่ใช่เสือชีต้า หรือม้าแคระ

14. นี่คือรวมเรื่องสั้นที่เหมาะกับวิชาภาษาไทย ผู้เขียนเอาประเด็นที่ตายแล้ว (หมายถึงมันถูกชี้ชัดดำขาว ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนจะมานั่งถกเถียงประเด็นเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว) มาจับกับสัญญะง่ายๆ ด้วยภาษาและเทคนิคการเล่าเรื่องอันปราณีต สำหรับผู้มีวุฒิการอ่าน เรื่องสั้นในเล่มนี้ไม่ก่อให้เกิดคำถามชวนคิดต่อ แต่มันเหมาะจะเป็นแบบฝึกหัดสำหรับให้เด็ก (มัธยมปลายถึงมหาวิทยาลัยตอนต้น)​ ตีความ

15. จะกวนตีนไปไหมถ้าบอกว่า จุดเด่นที่สุดของเล่มนี้คือเรื่องเด่น และจุดด้อยที่สุดคือเรื่องด้อย เรื่องที่ดีของเล่มนี้ดีมากๆ (โดยเฉพาะเรื่องชื่อเล่ม) แต่เมื่อนำมารวมๆ กัน ตัวเล่มยังขาดเอกภาพ ทำให้ความแข็งแรงของเรื่องที่ดีไม่สามารถไปพยุงเรื่องที่อ่อนลงมาได้ (แม้เรื่องเหล่านั้น จะไม่ได้อ่อนอะไรมากมายก็ตาม) จุดเด่นอีกอย่างคือการที่คนเขียนหันหน้าเผชิญกับปัญหาสังคมและการเมืองด้วยแนวคิดอันคมคาย


16. ส่วนเล่มนี้ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ข้อเสียคือไม่มีเรื่องไหนโดดเด่น แต่ความเป็นเอกภาพ (อย่างมาก) ช่วยให้แต่ละเรื่องส่งเสริม พยุงกันขึ้นมาได้ ผู้เขียนรักษาความเป็นกลางทางการเมือง แต่ไม่ได้อยู่เหนือการเมือง เขากระโดดเข้าไปในวังวนแห่งความขัดแย้ง ด้วยท่าทีอันอ่อนน้อม ไม่ชี้นิ้วโทษฝ่ายไหน ไม่ลากใครออกมายิงเป้า แต่พยายามนำเสนอภาพความสูญเสีย ควบคู่ไปกับการชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ทุกฝ่ายจำเป็นต้องปรับตัว

17.
เสียดายกับเล่มนี้ เหมือนผู้เขียนจะสร้าง High Concept บางอย่าง (ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสร้างตั้งแต่แรก หรือค่อยๆ ผูกมันขึ้นมาทีหลังจากความบังเอิญ) และพยายามมากไปนิดที่จะตอบโจทย์ของตัวเอง ผลก็คือคุณภาพของเรื่องสั้นค่อนข้างแกว่ง มีเรื่องที่ดีจริงๆ และเรื่องที่เหมือนเขียนเสริมๆ เพื่อถมให้เต็ม และยิ่งเป็นปัญหาเข้าไปใหญ่เมื่อเรื่องที่ด้อยกว่ากระจุกตัวอยู่ต้นๆ เล่ม กว่าคนอ่านจะถึงเรื่องที่ดีมากๆ (อย่างเรื่องชื่อเล่ม) พลังก็หมดเสียแล้ว

18. ในยุคที่เวทีหลักของนักเขียนไทยคือนิตยสารรวมเรื่องสั้น เรื่องสั้นที่สามารถขับเคี่ยวกับเรื่องอื่นๆ เพื่อให้ถูกคัดเลือกไปบรรจุอยู่ในเล่มได้ ต้องดีได้มาตรฐาน และจับประเด็นใหม่ๆ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา นักเขียนมือรางวัลที่จับทางตรงนี้ถูกเขียนกี่เรื่องก็น้อยนักที่จะพลาดเป้า กระนั้นก็ตาม เมื่อเอาเรื่องสั้นเหล่านั้นมารวมกันอยู่ในเล่มเดียว เหมือนอาหารจานหลักที่มีแต่เครื่องเคียง ต้นหอม แตงกวา มะเขือเทศ สดสะอาดจากไร่ สีสันน่ากินก็จริง แต่เนื้อเล่าหายไปไหน

19. เสน่ห์ของชีวิตในเมืองใหญ่ เรื่องราวธรรมดาที่ถูกนำมาเล่าอย่างลงตัวและหลักแหลม น้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้พยายามเทศนาหรือสั่งสอนผู้อ่าน วิธีจบแบบอับเปอร์คัทหมัดเดียวจอด เล่มนี้แหละลงตัวสุด ทั้งอัตราส่วนเรื่องที่ดีและความเป็นเอกภาพที่ช่วยพยุงทั้งเล่มเอาไว้ ถ้าจะหาที่ติจริงๆ อาจติว่า หนังสือบางเกินไป เพราะมันเอาความเรียบง่ายมาเป็นจุดขายอยู่แล้ว ความบางเลยอาจทำให้มันไม่โดดเด่นหรือหลอกหลอนอยู่ในความทรงจำของคนอ่านได้นานนัก

20. อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน บางเรื่องชวนฝัน บางเรื่องแสนบีบหัวใจ ผู้เขียนมีเอกลักษณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นส่วนของเรื่องสั้นมาทำให้เป็นชิ้นงานสมบูรณ์แบบ อยากให้คะแนนสูงๆ แต่ปัญหาคือ เรื่องที่เล่นกับความเบาหวิว และคล้ายคลึงบทกวีแบบนี้ น่าจะพูดน้อยต่อยหนัก ประหยัดถ้อยคำหรือเปล่า แต่นี่คนเขียนกลับฟุ่มเฟือยตัวอักษร มิหนำซ้ำหลายครั้งก็เต็มไปด้วยคำเทศนา (ในเรื่องที่อ่านแล้ว ไม่เห็นจะฉลาดหลักแหลมสักเท่าไหร่)

10 comments:

ชัย เชี่ยงชุน said...

เอ ผมเฝ้าติดตามอ่านคำวิจารย์มาเป็นระยะเลยครับ เรื่องอื่นๆพอจะเดาได้ครับ แต่เรื่องที่ ๑๗ นี่สิครับ เดายากจัง พอใบ้เพิ่มให้หน่อยได้ไหมครับ คันหัวใจยากจะเกลาจริงๆเลย

laughable-loves said...

เรื่องที่ 17 นี่ไม่เกี่ยวกับ "ชื่อหนังสือ" ครับ แต่เกี่ยวกับ "ธีม" หนังสือ ถ้าคุณได้อ่านหนังสือ คุณจะปิ๊งขึ้นมาเลย (นี่คือรูปของเจค เกลเลนไฮม์ จากภาพยนต์เรื่อง Zodiac)

ชัย เชี่ยงชุน said...

กระจ่างเลยครับ ขอบพระคุณมากครับ

ชัย เชี่ยงชุน said...

เข้ามาอ่านทุกวันเลยครับ ชอบๆ ขอเป็นกำลังใจนะครับ

ชัย เชี่ยงชุน said...

แฮะๆ มานั่งเฝ้าจอรอแกะรอยเล่มต่อไปครับ

ชัย เชี่ยงชุน said...

ลำดับที่ยี่สิบนี่ คือเรื่องที่ใช้สัตว์เป็นชื่อเล่มใช่ไหมครับ

laughable-loves said...

อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ครับ :-P

ชัย เชี่ยงชุน said...

แฮ่ๆ อย่างี้ยิ่งงมใหญ่เลยครับ รออ่านคำวิจารณ์เรื่องอื่นๆอยู่นะครับ

Anonymous said...

ติดตามอ่านค่ะ อยากให้มีบรรยากาศการวิจารณ์แบบนี้สำหรับทุกเรื่อง
อยากสอบถามว่าเรื่องที่วิจารณ์หาซื้อได้ทั่วไปหรือเปล่า
โดยเฉพาะเรื่องที่
9 19 20 24 30
หมายถึงถ้าตีความถูกน่ะค่ะ
ส่วนเรื่องอื่นมีบ้างแล้ว

laughable-loves said...

จริงๆ เรื่องส่วนใหญ่ที่อ่านนี่ หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปเลยครับ ถ้าไม่ศูนย์หนังสือจุฬา ก็ B2S แนะนำเป็นพิเศษคือ B2S esplanade ซึ่งสังเกตดู มีอยู่หลายเล่มทีเดียว