S. Zizek's "How to Read Lacan"

วันนี้เป็นวันพืชมงคล เร็วๆ นี้มีคนเอาข้อมูลคำทำนายปริมาณฝนของพระโค (น้ำน้อย น้ำมาก น้ำพอดี) มาเปรียบเทียบกับที่วัดได้จากกรมอุตุฯ พบว่าพระโคทายไม่ค่อยถูกนัก (แต่จะผิดเละเทะขนาดว่าแย่กว่าหนึ่งในสามเลยหรือเปล่า ก็ต้องไปตัดสินกันเอาเอง)   ประเด็นก็คือ ถ้าพระโคและพิธีแรกนาขวัญไม่ได้มีประโยชน์อะไรในการทำนายทายทัก   ในโลกวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องรักษาพิธีนี้ต่อไปไหม และเพื่อการใด

ก่อนจะสรุปว่าพิธีแรกนาขวัญเป็นเรื่องงมงายของโลกยุคเก่า ลองชะแว้บไปดูโลกยุคใหม่กันบ้าง   เมื่อเร็วๆ นี้ อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนโทรศัพท์มา บอกให้ช่วยไปโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่งหน่อย   รักชวนหัวมีภารกิจต้องปลอมตัวเป็นนักข่าว   บริษัทนำเข้าสินค้ายี่ห้อหนึ่งได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้จัดงานเปิดตัวสินค้า   ปรากฏว่าสื่อมาน้อยกว่าที่คาด   ผลคือรักชวนหัว ต้องไปนั่งปั้นหน้าเป็นสื่อ จดขยุกขยิกลงสมุดโน้ต แล้วยื่น Nokia 3310 (ที่อัดเสียงไม่ได้) จ่อปากฝรั่งขณะให้สัมภาษณ์   พอเสร็จงานถามเพื่อนว่า ต้องไปขอก็อปไฟล์เสียงจากนักข่าว (ตัวจริง) ด้วยหรือเปล่า   มันตอบว่าไม่ต้อง ไม่มีใครเขาอัดเสียงกันหรอก press kit อย่างเดียวก็ข้อมูลพอแล้ว

สรุปคือทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็น ritual หรือพิธีกรรมในโลกทุนนิยม ที่พราหมณ์หรือเจ้าของบริษัทไทยจัดขึ้นเพื่อเทิดทูนเทพเจ้าหรือบริษัทฝรั่งต้นสังกัดนั่นเอง   หากมองกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโลกยุคเก่าหรือยุคใหม่ ทุกสังคมต่างก็สลัดพิธีกรรมไม่พ้น เพราะเหตุใด

ซีเซค (อ่านลากอง) พูดถึง Prayer Wheel ของชาวธิเบต   อุปกรณ์ที่ให้เราใส่คำอธิษฐานลงไป แล้วหมุนล้อ ระหว่างนั้นก็จะถือว่าล้อได้ช่วยสวดช่วยอธิษฐานให้กับเรา   ซีเซคบอกว่าในโลกสมัยใหม่ก็มีอุปกรณ์หลายอย่างที่ทำงานคล้ายคลึงกับ Prayer Wheel เช่น เครื่องอัดรายการโทรทัศน์หรือ Tivo   ผู้ใช้ส่วนใหญ่บอกว่าตั้งแต่มี Tivo ตัวเองดูทีวีน้อยลง เพราะเมื่ออัดรายการโทรทัศน์ไว้แล้ว ก็เหมือนกับว่าเครื่องมัน "ดูแทน" ไปเรียบร้อย เจ้าตัวสามารถเอาเวลาไปทำกิจธุระอย่างอื่นได้

ซีเซคให้เหตุผลว่า เครื่องกลที่ "ทำหน้าที่" แทนมนุษย์ (กรณีนี้ไม่ใช่แค่ "ทำหน้าที่" อย่างเดียว แต่ยังสนุกสนานไปกับรายการทีวี หรือเปี่ยมหวังและศรัทธาได้ด้วย) ก็ไม่ต่างอะไรจากพิธีกรรม   ตรงข้ามกับคำพูดติดปากคริสเตียนว่า "ถ้าท่านไม่เชื่อในพระเจ้า จงโน้มตัวลงและสวดมนต์เสีย แล้วสักพักความเชื่อจะสถิตมาสู่ท่านเอง" ซีเซคบอกว่า "จงโน้มตัวลงและสวดมนต์เสีย ออกอาการเหมือนเชื่อในพระเจ้า แล้วสักพักความเชื่อจะสลัดหลุดไปจากท่านเอง"   พูดแบบ paradox ก็คือ บางทีที่พิธีแรกนาขวัญอาจจะยัง relevant อยู่ในยุควิทยาศาสตร์แบบนี้ ก็ precisely เพื่อให้เราสลัดความงมงายทิ้งนั่นเอง (ฉันทำพิธีแล้ว ฉันไม่ต้องเชื่อแล้ว สามารถเอาเวลาไปทำมาหากิน หรือใช้ชีวิตอยู่ใน "โลกสมัยใหม่" ได้)

ถ้ายังรู้สึกแหม่งๆ กับความคิดนี้ ลองถามตัวเอง เคยไหมที่เผลอไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ (เช่น เร็วๆ นี้ รักชวนหัวเดินในห้าง แล้วเผลอเอามือไปปัดหัวสิงโตหิน)   เราเลือกจะแสดงออกเชิงพิธีกรรมบางอย่าง (ตบมือตัวเอง หรือยกมือไหว้) ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วบอกว่าฉันไม่ใช่คนงมงาย แต่กลับกลายเป็นว่า วันนั้นทั้งวันเราเอาแต่หมกมุ่นคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น   หากว่าเรายกๆ มือไหว้ไปตั้งแต่ตอนนั้น อาจสลัด "ความเชื่อ" นี้ออกจากหัวได้รวดเร็วกว่าด้วยซ้ำ