อ้า...ไม่ย้อนแย้ง ก็คงไม่ใช่ชีวิตจริงสินะ
ในหนังสือชีวประวัติพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การสงคราม หรือการมุ้ง เรื่องที่ประทับใจเราที่สุดกลับเป็น episode เล็กๆ ที่แทบไม่มีความหมายในทางประวัติศาสตร์เลย นั่นก็คือการก่อตั้งและประวัติโรงเรียนแซงซีร์
แซงซีร์ถูกก่อตั้งโดยมาดามเมนทินอน ราชินีคนที่สองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สมัยเด็กๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกส่งตัวไปอยู่คอนแวนต์ เมนทินอนถึงกับยอมแต่งงานกับสามีเฒ่าชรา ราชินีเลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องทำให้โรงเรียนประจำของตัวเอง ห่างไกลจากการเป็นคอนแวนต์ให้มากที่สุด (สมัยนั้น ผู้หญิงที่ไม่มีอนาคตหรือหมดอนาคตแล้ว เช่น หาสามีไม่ได้ สามีตาย คบชู้ หรือก่อเหตุอื้อฉาว จะต้องถูกส่งไปใช้ชีวิตอยู่ในคอนแวนต์ เพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว และไม่ให้สิ้นเปลืองค่าส่งเสียเลี้ยงดู)
ช่วงแรกๆ ก็เหมือนว่าจะดี แซงซีร์เน้นการสอนวิชาด้านศิลปะวัฒนธรรมให้แก่ลูกผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เมื่อพวกหล่อนโตขึ้น จะได้มีศักยภาพในการเข้าสังคม (และความสำเร็จของแซงซีร์ "วัด" ได้จาก ในยุคนั้น โรงเรียนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งหาภรรยาที่ดีที่สุดของเหล่าขุนนาง) ราซีน นักเขียนบทละครชื่อดัง ถึงกับประพันธ์บทละครสองเรื่องกำนัลแด่ราชินีเมนทินอน เพื่อให้สาวๆ ในแซงซีร์เล่นโดยเฉพาะ
ถ้าเรื่องราวทั้งหมดจบลงแค่นี้ เราก็คงพอพูด (แบบไทยๆ ) ได้เต็มปากเต็มคำว่าคุณูปการทางด้านสังคมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และราชินีเมนทินอนก็คือการ "ปฏิวัติการศึกษา" ให้แก่ลูกผู้หญิงนั่นเอง
แต่อยู่ๆ ก็เกิดจุดพลิกผันขึ้น เมื่อราชินีเมนทินอนทะเลาะกับครูใหญ่ที่หล่อนไว้ใจมาก ตำแหน่งครูใหญ่เลยตกไปอยู่ในมือของมาดามกียง ผู้หญิงเคร่งศาสนา หล่อนเป็นตัวตั้งตัวตีในการเผยแพร่ลัทธิใหม่ Quietism โดยใช้แซงซีร์เป็นแหล่งเพาะเมล็ดพันธุ์ความคิด ผลก็คือชีวิตความเป็นอยู่ในแซงซีร์ค่อยๆ ห่างไกลจากจุดประสงค์ดั้งเดิมทีละน้อย วิชาด้านศิลปะวัฒนธรรมถูกยกเลิก จนในที่สุดเหลือแต่วิชาที่เกี่ยวกับการสวดมนต์ ศาสนา และการบูชาพระผู้เป็นเจ้า (ราชินีเมนทินอนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นัก ส่วนหนึ่งก็เพราะหล่อนเองก็มี "เชื้อ" ความคลั่งศาสนาอยู่ในตัวไม่น้อย)
ก่อนที่โรงเรียนจะปิดตัว ก็เลยเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ชวนให้หัวร่อมิได้ร่ำให้มิออก ลูกสาวขุนนางที่ตั้งใจจะใช้แซงซีร์เป็นทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่คอนแวนต์ กลับค่อยๆ ถูกบังคับ ขู่เข็ญ และส่งตัวเข้าคอนแวนต์ทีละคนสองคน แต่ที่ย้อนแย้งหนักยิ่งขึ้นคือ Quietism ถูกตีตราโดยสำนักวาติกันว่าเป็นลัทธินอกรีต และตัวมาดามกียงเองก็ต้องหลบหนีออกจากแวร์ซาย
ในบันทึกส่วนตัวของเมนทินอน ราชินีกล่าวว่าแม้จะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แซงซีร์ของหล่อนต้องถูกปิดตัวลง แต่อย่างน้อยก็น่าดีใจที่แซงซีร์ยังรักษาเจตนารมย์ดั้งเดิม ตั้งแต่ตอนที่เปิดโรงเรียนเอาไว้ได้อย่างไม่มีบิดผัน (ให้มันได้อย่างนี้ซิ!)
No comments:
Post a Comment