S. Jackson's "The Melancholy of Anatomy"


เชลลี แจคสันเคยมาพูดที่มหาวิทยาลัยเราด้วย จำหัวข้อสัมนาไม่ได้แล้ว คุ้นๆ ว่านิยายเหนือจริงๆ อะไรสักอย่างแล้วตบท้ายด้วย "...ลูกสาวของแองเจลา คาเตอร์" ผู้สัมนานอกจากแจคสัน ยังมีนักเขียนหญิงอีกสามคน ต่างล้วนเขียนหนังสือในสไตล์ของแองเจลา คาเตอร์ (หนึ่งในนั้นคือเอมี เบนเดอร์ อาจารย์ที่สอนวิชาการเขียนให้กับเรา จำได้ว่าเธอยังเคยเอาเรื่องสั้น In the Company of Wolves ของคาเตอร์ มาให้เราอ่านในชั้นเรียนเลย)

The Melancholy of Anatomy ดีกว่าที่คาด บางเรื่องก็ชวนให้นึกถึง Cosmicomic ซึ่งเราถือว่าเป็นสุดยอดรวมเรื่องสั้น เรื่องที่ดีสุดในเล่มนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกับผลงานของคาลวิโนอยู่เหมือนกัน (โดยเฉพาะ Blood ว่าด้วยผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ขัดล้าง เช็ดถูเลือดพระแม่ธรณี ผู้หญิงเหล่านี้ต้องลงไปสำรวจโพรงใต้ดินซึ่งต่อไปยัง "จิ๋ม" ของพระแม่ธรณี และทุกๆ เดือนจะมีเลือดประจำเดือนไหลออกมา ถ้าบอกว่าคาลวิโนเขียน Blood สำหรับ Cosmicomic ภาคสาม ก็พอจะเชื่อได้ไม่ยาก) แต่ไปเสียคะแนนตรงไอ้เรื่องอื่นๆ จากสิบสามเรื่องสั้นในเล่ม ที่สุดยอดจริงๆ มีสักสอง หรือสาม และที่สอบไม่ผ่าน มีอีกครึ่งหนึ่งได้

The Melancholy of Anatomy ถูกแบ่งเป็นสี่บทตาม "ธาตุอารมณ์" ทั้งสี่ choleric, melancholic, phlegmatic และ Sanguine โดยแต่ละบทแบ่งเป็นสามเรื่องย่อย บวกกับเรื่องสั้น Heart เปิดเล่ม ธาตุอารมณ์สี่ชนิดนี้มีความหมาย แต่รู้สึกว่าไม่สัมพันธ์กับสามเรื่องสั้นในบทขนาดนั้นแฮะ เลยคิดว่าแจคสันตั้งไว้เท่ๆ มากกว่า

ชอบ "โจทย์" ของแจคสันในเล่มนี้ เธอจงใจเล่นกับ "คำ" และ "หมายความ" จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคำเรียกส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่เราคุ้นเคยดี ถูกใช้ในความหมายอื่น เช่นใน Sperm สเปิร์มคือสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่ง กึ่งๆ ซอมบี้ กึ่งๆ ม้า รสโอชา แต่ถ้าไม่ควักสมองออก จะไม่มีวันตาย สาวๆ ชอบเอามาเลี้ยงตอนยังเป็นตัวอ่อน แต่พอโตขึ้นมา ก็ดุร้ายใช่เล่น หรือ Foetus ซึ่งตัวอ่อนในเรื่องหมายถึงมนุษย์ต่างดาว (หรือสิ่งมีชีวิตไม่จำกัดนิยามอันมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับมนุษย์ต่างดาว) ตอนไปฟังแจคสัน ก็คุ้นๆ ว่าเธอจะพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง "คำ" และ "ความหมาย" และการย่อยแยกโครงสร้างของภาษา

ใน Nadja ได้พูดไปแล้วว่าปัจจุบัน ไม่ค่อยมีใครเขียนนิยายเซอร์เรียล กรณีแจคสัน เราอยากเรียกมันว่าเรื่องสั้น "ทดลองย่อยแยก" มากกว่า ยกเว้น Egg และ Hair ซึ่งได้บรรยากาศแบบเซอร์เรียล Hair เป็นเรื่องสั้นที่ไม่มีอะไรน่าจดจำเลย ยกเว้นแค่ย่อหน้าเดียว เมื่อตัวเอกหญิงบรรยายว่าหลังจากเขียนจดหมายรัก และเซนต์ชื่อเสร็จ อยู่ดีๆ ลายเซ็นของเธอมันก็ติดปากกาขึ้นมาด้วย เธอถึงเพิ่งตระหนักว่าตัวอักษรทั้งหมดที่เธอเขียน จริงๆ คือเส้นผมยาวๆ และเมื่อเธอยกปากกาขึ้น ทุกอย่างก็หายสูญไปเหลือเพียงเส้นผมติดปลายปากกา สุดยอด! นึกถึงตอนไปดูภาพของมากริต บางภาพชอบมากถึงขนาดว่า ถ้าเขียนเรื่องสั้นสักเรื่อง แล้วยัดภาพสวยๆ แบบนี้ลงไปให้คนจดจำได้ ก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว

ประทับใจแจคสันจากสัมนาคราวนั้นมาก (เธอยังเล่าให้ฟังถือ Skin Project ซึ่งเป็นการสักคำแต่ละคำจากเรื่องสั้นเรื่องใหม่ของเธอ ลงบนผิวหนังอาสาสมัคร 1000 คน) จริงๆ แล้วก็ประทับใจหมดทั้งสี่คนเลย ว่ากันตรงๆ ในทะเลอันกว้างใหญ่ของวรรณกรรมอเมริกา ลูกสาวสี่คนนี้ยังจัดว่าอยู่ในขั้น "ปลายแถว" แต่พอฟังพวกหล่อนพูด ทั้งอึ้ง และทึ่งว่าทำไมถึงได้ชาญฉลาดกันขนาดนี้ พูดถึงความแน่นทางด้านทฤษฎีวรรณกรรมแล้ว นักเขียนชั้นนำของเมืองไทยชิดซ้ายกันเป็นแถว

No comments: