H. Boll's "18 Stories"


คนเยอรมันนี่ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเยอะจริงๆ เท่าที่เราเคยอ่านก็ปาเข้าไปสี่คนแล้ว แต่ละรายก็ระดับพระกาฬกันทั้งนั้น ตั้งแต่โธมัส มานน์ เฮอมัน เฮสเส ไปจนถึงกุนเธอร์ กลาส (ตะกี้แวบไปเช็ควิกีมา พบว่ามีทั้งหมดเจ็ดคน) และล่าสุดที่เราเพิ่งอ่านก็คือเอนริช โบล ถึงโบลจะไม่โด่งดังเท่าสี่คนก่อนหน้านี้ แต่ท่าทางแกจะมีชื่อเสียงไม่หยอก เพราะถ้าจำไม่ผิด ที่เมืองไทยก็มีแปลนิยายเรื่อง The Clown เหมือนกัน 18 Stories ก็สมชื่อคือเป็นรวมเรื่องสั้น 18 เรื่อง แม้นี่อาจไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกของผู้เขียน แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับพะยี่ห้อรางวัลโนเบล

โบลเล่าเรื่องด้วยภาษาเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่รู้เป็นเพราะการแปลหรือเปล่า แต่ได้อารมณ์เหมือนฟังแกเล่าในร้านกาแฟ โบลไม่ใช่นักเขียนประเภทมานั่งเสียเวลาบรรยายความ สร้างฉากวิจิตรอลังการ เรื่องสั้นส่วนใหญ่ก็ใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งซื่อๆ นี่แหละ

ถ้ามองว่าเป้าหมายหลักของนักเขียน และศิลปินคือการนำเสนอภาพความเป็นมนุษย์ สำหรับโบลแล้ว สิ่งนี้คงสื่อผ่านใบหน้าเรียบเฉยได้ดียิ่งกว่าการแสดงออกใดๆ อ่าน 18 เรื่องสั้นแล้วเหมือนได้อารมณ์ "หน้ากาก" ยังไงพิกล อย่าง Like a Bad Dream (ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เหมือนเคยอ่านจากที่ไหนมาก่อน) เกี่ยวกับนักธุรกิจซึ่งเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของการแข่งขัน เฉือดเฉือนคม พออ่านจบแล้วก็งงว่าเป็นตัวผู้อ่าน หรือตัวละครกันแน่ที่ปั้นสีหน้าตัวเองไม่ถูก อีกเรื่องคือ The Laugher ว่าด้วยคนที่หัวเราะเป็นอาชีพ แต่กลับไม่รู้ว่าสีหน้าแท้จริงของตัวเองเป็นเช่นไร

พูดถึงนักหัวเราะ สังเกตว่าโบลชอบให้ตัวละครในเรื่องมีอาชีพแปลกๆ ตั้งแต่นักกำจัดจดหมาย นักสะสมความเงียบ ไปจนถึงนักประกาศชื่อสถานีรถไฟ ถึงจะเป็นอาชีพพิสดาร แต่โบลไม่ได้ตั้งใจเขียนให้เรื่องเหล่านี้เป็นแฟนตาซี (เรื่องเดียวเลยในเล่มที่เข้าข่ายสัจนิยมมายาคือ Unexpected Guests ว่าด้วยผู้ชายที่เลี้ยงสัตว์เต็มบ้าน ตั้งแต่ฮิปโป ช้าง ไปจนถึงสิงโต) ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าอาชีพเหล่านี้มีจริงหรือเปล่า แต่ก็ต้องยกย่องคนเขียนว่าเข้าถึงจิตวิทยาคนที่ประกอบอาชีพสมมติพวกนี้ได้

Action Will be Taken เป็นอีกเรื่องที่อยากพูดถึงเป็นพิเศษ เนื่องด้วยมันเป็นขั้วตรงข้ามกับเรื่องสั้นส่วนใหญ่ คือแทนที่ตัวเอกจะมีอาชีพพิสดาร คราวนี้โบลไปไกลกว่านั้นคือตัวเอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีอาชีพอะไร แต่ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับมัน ก่อนจะพบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง คือไปคอยยืนปั้นหน้าเครียดตามงานศพ

ต้องยอมรับว่าเป็นสิบแปดเรื่องสั้นที่น่าสนใจจริงๆ ไม่ค่อยบ่อยนักจะเจองานเขียนที่วนเวียนอยู่กับอาชีพได้ขนาดนี้

1 comment:

Anonymous said...
This comment has been removed by a blog administrator.