tag:blogger.com,1999:blog-35767612.post7504391698411269255..comments2024-03-08T02:28:37.478-08:00Comments on Laughable Loves: T. L. Friedman's "Hot, Flat and Crowded"laughable-loveshttp://www.blogger.com/profile/04462755298243778712noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-39008443416850637392009-12-04T00:35:09.334-08:002009-12-04T00:35:09.334-08:00"กลับมาเรืื่องแจกไก่ สมมุติว่า เราสามารถแจกให..."กลับมาเรืื่องแจกไก่ สมมุติว่า เราสามารถแจกให้คนที่จะตายจริงๆได้ เช่นในแอฟริกา ซึ่งคนพวกนี้ไม่ได้กินไก่แน่ๆ ทำให้คนพวกนี้ประทังชีวิตไปได้ โดยจากแจกไก่นี้ กระทำในที่ลับ คือผู้ขายไก่รายย่อย ไม่ได้รับรู้ใดๆทั้งสิน แล้วชาวแอฟริกันเหล่านี้ ไม่ได้เป็นลูกค้าของพ่อค้าขายไก่รายย่อยแต่อย่างใด แบบนี้ถือว่าควรทำหรือเปล่า? ขำๆ"<br /><br />อันนี้แน่นอนว่าผมเห็นด้วยอยู่แล้วล่ะ และผมเชื่อว่าในสมัยนั้นเขาก็ทำกันนะ เช่นรัฐบาลคงพยายามซื้อส่วนเกินให้มากที่สุด แล้วค่อยเอาไปกระจายตามจุดต่างๆ จริงๆ ที่เขียนในบลอค ผมก็ไม่ได้เชื่อว่าการเอาไก่ไปทิ้งทะเลคือทางออกที่ดีที่สุด แต่ว่าเป็นทางออกที่ "เข้าใจได้" และมี "เหตุผลรองรับอยู่" จะว่าไประยะหลังเราก็ไม่ค่อยได้ยินเรื่องเอาไก่ไปทิ้งทะเลอีกแล้ว ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเพราะซีพีพัฒนาแบรนด์เป็นสินค้าหลักตัวหนึ่ง ซึ่งแบรนด์ก็เป็นสินค้าที่สามารถรักษาไก่ส่วนเกินเอาไว้ได้นานๆ นั่นแหละ<br /><br />ส่วนเรื่องระบบ นอกระบบคงต้องคุยกันยาวววววววววมากกกกกกก แต่คุณคงรู้นิสัยผมอยู่แล้วล่ะว่าผมเชื่อในระบบแค่ไหน ไม่ได้หมายถึงระบบที่เป็นอยู่ขณะนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าจะเกิดขึ้นได้จากการคิดและกระทำกับทั้้งระบบมากกว่าอย่างอื่น (แต่การคิดนอกระบบไม่ได้ไม่มีประโยชน์เลยนะ)<br /><br />ถ้า extreme ก็เหมือนเรื่องโลกร้อนนั่นแหละ สมมติว่ามันมีวิธีแก้ไขด้วยการฉีดสารยิงสารอะไรเข้าไปในบรรยากาศจริง มันจะดีกว่าวิธีการ "ในระบบ" ซึ่งก็คือการช่วยกันลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือค่อยๆ เปลี่ยนแปลงลดมลภาวะตรงจุดนู้นจุดนี้หรือเปล่า?Anonymousnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-35963083251611753062009-12-03T16:22:16.754-08:002009-12-03T16:22:16.754-08:00ที่เราคิด ก็คือแบบโง่ๆ ซื่อๆเลยว่า ด้วยระบบเศรษฐกิ...ที่เราคิด ก็คือแบบโง่ๆ ซื่อๆเลยว่า ด้วยระบบเศรษฐกิจที่ถูกเซ็ตรูปแบบมาแบบนี้ พอมันถึงจุดพัฒนาสูงสุดของมัน กลุ่มเดียวที่จะไม่ชิบหาย ก็คือผู้ที่กุมอำนาจสูงสุด ในที่นี้ อาจจะเรียกได้ว่า ซีพี เป็นต้น <br /><br />ที่พูดเรื่องเอาไก่ไปแจก ก็คงทำนอง ออกจากระบบ แล้วมามองปากท้องกันแบบซื่อๆเลย หิวก็กิน ไม่มีอาหารกินก็ตาย ในเมื่อช่วยคนได้ ก็ช่วย แล้วมันก็ช่วยได้จริงๆ คือมีคนรอดตายจากการมีอาหารกินจริงๆ <br /><br />เพราะถ้ารอแก้จากระบบที่ชิบหายแล้ว ไปทีละเปลาะๆๆๆ คนหิวก็ตายแหงแก๋ไปแล้ว<br /><br />อันนี้ push แบบ extreme เลยนะ ว่าสุดท้ายจะเลือกอะไร ระหว่างระบบกับชีวิตคน อาจจะมองได้ว่า ต้องค่อยๆแก้ระบบเพื่อชีวิตทุกๆคนในภาพรวมและระยะยาว แต่ somehow เราไม่เชื่อว่ะ อาจจะเพราะเราไม่เชื่อในระบบอยู่แล้วล่ะมั้ง <br /><br />กลับมาเรืื่องแจกไก่ สมมุติว่า เราสามารถแจกให้คนที่จะตายจริงๆได้ เช่นในแอฟริกา ซึ่งคนพวกนี้ไม่ได้กินไก่แน่ๆ ทำให้คนพวกนี้ประทังชีวิตไปได้ โดยจากแจกไก่นี้ กระทำในที่ลับ คือผู้ขายไก่รายย่อย ไม่ได้รับรู้ใดๆทั้งสิน แล้วชาวแอฟริกันเหล่านี้ ไม่ได้เป็นลูกค้าของพ่อค้าขายไก่รายย่อยแต่อย่างใด แบบนี้ถือว่าควรทำหรือเปล่า? ขำๆB.noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-83363343724151156232009-12-03T02:07:17.078-08:002009-12-03T02:07:17.078-08:00ผมลองมานั่งคิดสิ่งที่เรากำลังพูดกันอยู่ตรงนี้ดู ...ผมลองมานั่งคิดสิ่งที่เรากำลังพูดกันอยู่ตรงนี้ดู จริงๆ ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าถ้าในตลาดไก่ ซีพีครองกำลังการผลิตมากๆ เช่น 70% เลย ดังนั้นถ้าเกิดมีปีหนึ่งที่ ด้วยความไร้ความรับผิดชอบของซีพี ผลิตไก่มาเกินความต้องการของตลาด ผู้ผลิตรายย่อยอื่นๆ อีก 30% ก็จะซวยไปด้วย ซึ่งกรณีนี้ก็ดูเหมือนจะ make sense ละนะ ถ้าเราจะ "ลงโทษ" ซีพีด้วยการบังคับให้เขาเอาไก่ไปแจกให้ "ผู้คนที่อดอยาก" แต่ก็อย่างที่อธิบายแหละ ถ้าเราทำอย่างนั้น คนที่จะลำบากที่สุดก็คือผู้ผลิตรายย่อยอีก 30% ที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วย<br /><br />เรื่องของเรื่องคือมันผิดตั้งแต่แรกแล้วที่รัฐบาลจะปล่อยให้มีบริษัทหนึ่ง่กุมอำนาจมากมายขนาดนั้นในแวดวงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง แต่ถ้าเราเอาไก่ไปแจกแล้วผู้ผลิตรายย่อยอีก 30% ตายขึ้นมา ปีหน้าซีพีก็จะมีตลาด 100% เลย ซึ่งก็จะยิ่งสร้างปัญหาขึ้นไปอีกlaughable-loveshttps://www.blogger.com/profile/04462755298243778712noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-16991781718699420692009-12-03T01:37:59.194-08:002009-12-03T01:37:59.194-08:00"ไอ้คนที่จนน่ะ ก็ไล่ไปตั้งแต่พ่อค้าย่อยๆ ไปถึ..."ไอ้คนที่จนน่ะ ก็ไล่ไปตั้งแต่พ่อค้าย่อยๆ ไปถึงจนคนที่อดตายกันนั่นแหละ ที่ประสบปัญหาน่ะ"<br /><br />ผมไม่เข้าใจ argument ของคุณแฮะ จากประโยคนี้ แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่า คนที่ได้รับผลกระทบจากราคาไก่ตกต่ำไม่ใช่แค่ตัวซีพีเท่านั้น แต่รวมไปถึงพ่อค้ารายย่อยด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราปล่อยให้ราคาไก่ต่ำลงมากๆ ก็อย่างที่คุณพูดก็คือคนที่เดือดร้อนก็คือพ่อค้ารายย่อย?<br /><br />ส่วนเรื่องการผลิตอย่างไม่บรรยะบรรยัง โดยหลักการ (ที่ดี) ของธุรกิจคือไม่ผลิตอะไรที่ขายไม่ได้กำไรพอ ตัวอย่างไก่อาจจะไม่ชัดเจน แต่พวกผลไม้ซึ่งเราไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน ว่าจะออกดอกออกผลในปริมาณเท่าไหร่ เพราะมันขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ จะโทษสวนผลไม้ว่าผลิตลำไยมาเกินความต้องการก็คงจะไม่ถูกต้องนัก<br /><br />(กลับมาตัวอย่างไก่เช่นว่าปีที่แล้วมีโรคระบาดทำให้ปริมาณไก่ขาดตลาด ปีนี้เขาก็เลยเล็งที่จะผลิตไก่เพิ่ม ลงท้ายก็เลยกลายเป็นมีไก่ล้นตลาด ซึ่งก็ยังไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักหรอกนะ)<br /><br />"ปัญหามันคงไม่ได้ง่ายๆแค่คนจนจะปีนป่ายกระไดเศรษฐกิจยังไงล่ะมั้ง เพราะระบบมัน set ให้ต้องปีนก้าวกระโดดมาก กว่าจะไปอยู่บนจุด top ที่อยู่รอดลืมหูลืมตาได้จริง?"<br /><br />ก็อย่างที่บอก ถ้าเราไม่มีตลาดไก่เลย หมายถึงคนจนๆ ไม่มีโอกาสเลี้ยงและขายไก่เพื่อทำกำไร นั่นต่างหากไม่ใช่เหรอ สภาพก้าวกระโดดที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ อย่างน้อยถ้ารัฐบาลสามารถเลี้ยงธุรกิจไก่ (ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก) เอาไว้ได้ ก็จะมีบันไดอีกขึ้นหนึ่งให้คนจนปีนป่ายขึ้นไปlaughable-loveshttps://www.blogger.com/profile/04462755298243778712noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-67234244687254002162009-12-03T01:11:57.961-08:002009-12-03T01:11:57.961-08:00แต่อย่าลืมว่า ไอ้คนที่ผลิตไก่มาจนล้นเนีย่ะ คือซีพี...แต่อย่าลืมว่า ไอ้คนที่ผลิตไก่มาจนล้นเนีย่ะ คือซีพีใช่มั้ยในที่นี้ ซึ่งก็อย่างที่รู้กัน รวยไม่รู้จะรวยยังไง<br /><br />สรุปก็คือ คนรวยมากๆ ก็มีกำลังผลิตมากๆๆๆๆๆ ผลิตจนเกินความต้องการของตลาด ผลิตแบบไม่บันยะบันยังอะไร เพราะมันเหลื่อมชั้นกันอยู่มาก ไอ้คนที่จนน่ะ ก็ไล่ไปตั้งแต่พ่อค้าย่อยๆ ไปถึงจนคนที่อดตายกันนั่นแหละ ที่ประสบปัญหาน่ะ<br /><br />เขาถึงเอาไปทิ้งไง ทิ้งเงินไปไม่เท่าไหร่ ก็คงขนหน้าแข้งไม่ร่วงอยู่ดี<br /><br />ปัญหามันคงไม่ได้ง่ายๆแค่คนจนจะปีนป่ายกระไดเศรษฐกิจยังไงล่ะมั้ง เพราะระบบมัน set ให้ต้องปีนก้าวกระโดดมาก กว่าจะไปอยู่บนจุด top ที่อยู่รอดลืมหูลืมตาได้จริง?B.noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-41875673992006281772009-12-03T00:59:57.829-08:002009-12-03T00:59:57.829-08:00ผมก็ไม่่ใช่ผู้้เชี่ยวชาญหรอกนะ แต่ถ้าให้อธิบายก็คื...ผมก็ไม่่ใช่ผู้้เชี่ยวชาญหรอกนะ แต่ถ้าให้อธิบายก็คือ โดยสมมติฐานแล้ว ถ้าราคาไก่มันถูกมากๆ จริงๆ แม้แต่คนจนๆ ก็ย่อมสามารถซื้อไก่ได้ ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาอดตายที่รุนแรงมากนัก แต่ขณะเดียวกันถ้าเอาไก่มาแจกฟรีๆ แม้แต่คนรวยๆ ก็จะมารับแจกไก่หมด สุดท้ายพ่อค้าไก่ (รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ในระบบแลกซื้อขายไก่ด้วย) ก็จะยากจนหมด ในระยะยาวก็คือ พอปีหน้ามาถึงเราก็จะมีคนยากคนจนที่ต้องเลี้ยงมากขึ้น ขณะเดียวกันโอกาสของคนยากคนจนที่จะปีนป่ายบันไดเศรษฐกิจ (ยกตัวอย่างเช่น ขึ้นมาเป็นพ่อค้าไก่) ก็จะหดหายลงไปด้วย<br /><br />อย่างน้อยในประเทศไทย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนกำลังจะอดตาย แต่อยู่ที่คนกำลังจะยากจน<br /><br />สรุปสั้นๆ ตามความเข้าใจของผู้ไม่เชี่ยวชาญนะ ใครมีคำอธิบายหรือโต้แย้งที่ดีกว่านี้มาแลกเปลี่ยนความคิดกันได้laughable-loveshttps://www.blogger.com/profile/04462755298243778712noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-35767612.post-2790379761381095732009-12-03T00:08:24.394-08:002009-12-03T00:08:24.394-08:00คนจนมากๆ อดอยาก ยังไงก็ไม่มีเงินไปซื้อไก่กินอยู่แล...คนจนมากๆ อดอยาก ยังไงก็ไม่มีเงินไปซื้อไก่กินอยู่แล้ว<br />เอาไปแจก ก็น่าจะดีกว่าเอาท้ิ่งอยู่ดี<br />พ่อค้าก็ไม่น่าจะลำบากอะไร เพราะยังไง ก็หากินกับคนมีกะตังอยู่แล้ว ไอ้คนจนๆ ยังไงก็ไม่ใช่เป้าหมายที่จะซื้อไก่?<br /><br />เราว่าคิดโง่ๆ แบบเด็กๆอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะผิดอะไร?<br />ถ้าจะชิบหาย ก็ชิบหายในแง่ระบบ แต่ช่วยชีวิตคนได้?<br /><br />นึกถึง 2012 ขึ้นมา ประมาณว่า คนมีเงินถึงซื้อเรือช่วยชีวิตได้ ถ้า break กฎนี้ ก็คือ break กฎซื้อขายตามหลักเศรษฐกิจ เพื่อรักษากฎไว้ ก็เลยต้องปล่อยให้คนที่จนกว่า ตายๆไปซะB.noreply@blogger.com